สื่อสหรัฐฯ รายงานทรัมป์กล่าวโทษองค์การอนามัยโลกให้เป็นแพะรับบาป

President Donald Trump speaks about the coronavirus in the Rose Garden of the White House, April 27, 2020, in Washington.

Your browser doesn’t support HTML5

USA and WHO

เมื่อวันศุกร์ปลายสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมการประชุมทางไกลซึ่งองค์การอนามัยโลกจัดขึ้นเพื่อระดมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการพัฒนาวัคซีนและยาสำหรับเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ถึงแม้องค์การอนามัยโลกจะส่งคำเชิญถึงรัฐบาลสหรัฐหลายครั้งก็ตาม

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า การปฎิเสธบทบาทขององค์การอนามัยโลกที่ว่านี้ดูจะเป็นตัวอย่างหนึ่งจากรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อลดบทบาทของหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศนี้ลง ขณะที่สหรัฐกำลังพยามกล่าวโทษองค์การอนามัยโลกว่ามีส่วนทำให้มีการระบาดใหญ่ของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไปทั่วโลก

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกำลังยกเลิกการอ้างอิงถึงองค์การอนามัยโลกในเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสดังกล่าว และรัฐบาลสหรัฐซึ่งได้ประกาศระงับการให้เงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลกเป็นเวลา 60 วัน ก็กำลังหาทางจัดสรรเงินไปให้หน่วยงานเอ็นจีโออื่น ๆ โดยไม่ผ่านองค์การอนามัยโลกอีกต่อไป

หลังจากที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้ขอให้ประเทศพันธมิตรต่าง ๆ ของสหรัฐ ตั้งคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือขององค์การอนามัยโลก และโจมตีเรื่องค่าใช้จ่ายการเดินทางที่ไม่จำเป็นขององค์การแห่งนี้

รวมทั้งตำหนิองค์การอนามัยโลกว่า ไม่ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ได้จากจีน และกล่าวหาองค์การอนามัยโลกว่าช่วยส่งเสริมข้อมูลที่บิดเบือนจากจีน และมีอคติลำเอียงเข้าข้างจีนด้วย

โดยประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างมากมายจากความผิดพลาดขององค์การอนามัยโลก

แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐชี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพยายามใช้องค์การอนามัยโลกเป็นแพะรับบาป จากการที่ตนตอบสนองต่อการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ช้าเกินไป และไม่ได้ประกาศใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมโรคนี้อย่างเพียงพอ

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตัวแทนรัฐบาลสหรัฐและเจ้าหน้าที่ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคซึ่งทำงานอยู่ในองค์การอนามัยโลกแห่งนี้ ได้ส่งข้อมูลเตือนภัยเกี่ยวกับการระบาดของโคโรนาไวรัสในประเทศจีนมาให้ประธานาธิบดีทรัมป์ก่อนหน้านี้เป็นเวลาหลายเดือน แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ

นอกจากนั้น ยังมีรายงานด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ กับนางอิวังก้า ทรัมป์ บุตรสาว ได้สนทนาพูดคุยฉันมิตรกับนายเทรโดส แอดฮานอม เกรเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

โดยนายเกรเบรเยซุส นักจุลชีวะวิทยาชาวเอธิโอเปียผู้นี้ ก็ได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐให้เข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลกก่อนหน้านี้ด้วย

ตามรายงานของวอชิงตันโพสต์นั้น ความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อกล่าวโทษและลดบทบาทขององค์การอนามัยโลก นับตั้งแต่การระงับการให้เงินสนับสนุนการทำงานซึ่งเมื่อปีที่แล้วสหรัฐให้เงินราว 550 ล้านดอลลาร์ ไปจนถึงอาจเสนอให้มีการเปลี่ยนตัวผู้อำนวยการใหญ่เป็นข้อแลกเปลี่ยน และการเสนอตั้งหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นขึ้นเพื่อทำงานแทนองค์การอนามัยโลกในเรื่องโควิด-19 นี้ ทำให้หลายฝ่าย ซึ่งรวมทั้งสมาชิกรัฐสภาของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันมีความกังวล อย่างเช่น วุฒิสมาชิกรอย บลันท์ ของพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ตนเชื่อว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะกำจัดผู้ร่วมงานใด ๆ แม้ว่าสหรัฐอาจรู้สึกไม่สบายใจแค่ไหนก็ตาม

ท่าทีดังกล่าวก็ดูจะสอดคล้องกับความเห็นของผู้นำโลกรายอื่น ๆ ที่ชี้ว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสมถ้าจะด่วนเปลี่ยนแปลงเรื่องที่สำคัญท่ามกลางปัญหาความไม่แน่นอน และว่าการสอบหาข้อเท็จจริงเรื่องการทำงานที่ผิดพลาดขององค์การอนามัยโลกนั้น สามารถจะทำได้หลังจากที่วิกฤติเรื่องนี้ผ่านพ้นไปแล้ว

ในขณะที่ผู้เกี่ยวข้องในสหรัฐหลายคนเตือนว่า การถอนความสนับสนุนของสหรัฐจากองค์การอนามัยโลกจะยิ่งทำให้สหรัฐต้องเสียบทบาทการนำให้กับจีนนั้น นายริชาร์ด โกแวน นักวิเคราะห์นโยบายอาวุโสของหน่วยงาน International Crisis Group ก็ชี้ว่าหากวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้สามารถสอนบทเรียนอะไรบางอย่างได้ เรื่องที่ว่านั้นก็คือ เราต้องการการทำงานเพื่อประสานร่วมมือระดับระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิดและดีขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาท้าทายด้านสุขภาพที่สำคัญระดับโลกนั่นเอง