Your browser doesn’t support HTML5
การร่วมเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีในภูมิภาคแปซิฟิคหรือ TPP ของ 12 ประเทศในขณะนี้มียอดการค้ารวมกันหลายล้านๆ ดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วนหนึ่งในสามของการค้าโลก แต่ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยสำหรับอาหารโดยกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ คือการตรวจคุณภาพของปลาดุกเลี้ยงที่สหรัฐฯ นำเข้าจากประเทศในเอเซียได้สร้างปัญหายุ่งยากให้กับการเจรจา TPP
ก่อนหน้านี้ประเทศในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค 10 ประเทศได้ส่งจดหมายถึงสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ เตือนว่ามาตรการของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ตามอำนาจที่ให้ไว้ในกฎหมาย Farm Bill ที่ออกมาใช้ในปี 2551 ได้ส่งผลกระทบทางลบต่อการเจรจาการค้าเสรี TPP นี้
วุฒิสมาชิก John McCain จากรัฐอาริโซน่ากล่าวว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของมาตรการตรวจสอบดังกล่าวคือการสร้างอุปสรรคกีดกันทางการค้าเพื่อปกป้องผู้ประกอบธุรกิจฟาร์มเลี้ยงปลาดุกในรัฐทางใต้สองสามรัฐของสหรัฐฯ
แต่วุฒิสมาชิก Roger Wicker จากรัฐมิสซิปซิปปี้ซึ่งเป็นรัฐหนึ่งที่ทำอุตสาหกรรมเลี้ยงปลาดุกจำนวนมากแย้งว่าแผนงานการตรวจคุณภาพปลาดุกนำเข้านี้มีขึ้นเพื่อสร้างความปลอดภัยด้านอาหารให้กับผู้บริโภคอเมริกัน เพราะเคยมีการพบสารเคมีและสารปนเปื้อนที่อาจก่อมะเร็งในอาหารประเภทสัตว์น้ำที่นำเข้าจากเอเซียมาก่อน
ข้อโต้แย้งดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่แสดงถึงปัญหาท้าทายของการบรรลุข้อตกลงการค้าเสรี TPP เพราะแต่ละประเทศล้วนแต่มีผลประโยชน์เฉพาะตนที่ต้องการปกป้องอยู่
แต่นาย Claude Barfield นักวิเคราะห์ด้านการค้าของ American Enterprise Institute ได้ชี้ว่าถึงแม้สหรัฐฯ อาจจะชนะในการเจรจาบางหัวข้อแต่สหรัฐฯ ก็ต้องยอมผ่อนปรนในบางเรื่องเช่นกัน เพราะในท้ายที่สุดแล้วข้อตกลงการค้าเสรี TPP นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะยาว