กองบัญชาการภาคพื้นตะวันออกกลางของสหรัฐฯ หรือ CENTCOM ยืนยันรักษาระดับการระวังภัยขั้นสูงต่อเนื่อง หลังส่งทหารเข้าถล่มคลังอาวุธของกลุ่มติดอาวุธในอิรักที่มีอิหร่านหนุนหลัง
พลเอก เคนเนธ แม็คเคนซี่ หัวหน้ากองบัญชาการภาคพื้นตะวันออกกลางของสหรัฐฯ หรือ CENTCOM กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่กระทรวงกลาโหมในวันศุกร์ว่า ปฏิบัติการทางทหารล่าสุดที่ถล่มคลังอาวุธ 5 แห่งของกลุ่มติดอาวุธ กาตาอิบ เฮซบอลเลาะห์ (Kataib Hezbollah) ซึ่งตั้งอยู่ในอิรัก ประสบความสำเร็จในการลดกำลังความสามารถของกลุ่มๆ นี้ ที่จะโจมตีสหรัฐฯ ในอนาคต
การโจมตีคลังอาวุธครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังกลุ่มกาตาอิบ เฮซบอลเลาะห์ ยิงจรวจถล่มค่ายทาจิ ซึ่งเป็นที่มั่นของกองกำลังพันธมิตร และอยู่ห่างจากกรุงแบกแดดราว 27 กม. ส่งผลให้ทหารอเมริกัน 2 นาย และสมาชิกหน่วยพยาบาลฉุกเฉินจากอังกฤษ 1 นาย เสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 14 ราย เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การถล่มคลังอาวุธในอิรัคนั้นเป็นมาตรการตั้งรับที่เหมาะสม และระบุว่า อาวุธบางส่วนในคลังนั้นถูกใช้ในการโจมตีค่ายทาจิด้วย
พลเอกแม็คเคนซี่ ยังกล่าวด้วยว่า อิหร่านคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังและจัดหาอาวุธมากมายกลุ่มกาตาอิบ เฮซบอลเลาะห์ ด้วย
เขากล่าวต่อไปว่า แม้จะประสบความสำเร็จในปฏิบัติการครั้งนี้ กองกำลังสหรัฐฯ ได้เคลื่อนย้ายระบบขีปนาวุธแพทริออทเข้าไปในอิรัก เพื่อเตรียมป้องกันกองทัพสหรัฐฯ จากเหตุโจมตีจากอิหร่านในอนาคต หลังพยายามเจรจากับรัฐบาลอิรักเพื่อลำเลียงขีปนาวุธแพทริออทเข้าไปติดตั้งในประเทศตั้งแต่กลางเดือนมกราคม
นอกจากขีปนาวุธแล้ว กองทัพสหรัฐฯ ยังคงกองบินลำเลียงอาวุธ 2 กองไว้ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย เพื่อเป็นมาตรการยับยั้งแผนโจมตีใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ทางฝ่ายอิหร่าน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อับบาส มูซาวิ ระบุในแถลงการณ์ที่ออกมาในวันศุกร์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ควรทบทวนการตั้งกองกำลังและบทบาทของทหารอเมริกันในอ่าวเปอร์เซีย มากกว่าจะดำเนินปฏิบัติการต่างๆ และกล่าวหา(อิรัก) โดยไม่มีมูล