รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมเปิดพรมแดนให้กับนักเดินทางจาก จีน อินเดีย อังกฤษ และอีกหลายประเทศในยุโรปที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
เจฟฟ์ เซียนท์ ผู้ประสานงานทีมงานรับมือโคโรนาไวรัสประจำทำเนียบขาว เปิดเผยในวันจันทร์ว่า รัฐบาลกรุงวอชิงตันจะอนุญาตให้ผู้ที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันและมาจากประเทศที่ถูกขึ้นชื่อห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว ให้เดินทางเข้ามาในประเทศนี้ได้อีกครั้ง หากสามารถแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบแล้วก่อนขึ้นเครื่องจากต้นทาง พร้อมกับผลการทดสอบการติดเชื้อโควิด-19 ที่ทำภายใน 3 วันก่อนเดินทางและมีผลเป็นลบได้
สหรัฐฯ ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจำกัดการเดินทางเข้าประเทศสำหรับผู้ที่มาจากจีนเมื่อเดือนมกราคมของปีที่แล้ว ก่อนจะขยายมาตรการดังกล่าวไปครอบคลุมอีกหลายประเทศในภายหลัง โดยไม่มีกำหนดว่าจะมีการผ่อนคลายและปลดล็อคอย่างไรและเมื่อไหร่
ต่อมา รัฐบาลชุดปัจจุบันตัดสินใจดำเนินมาตรการดังกล่าวต่อ พร้อมยกระดับความเข้มข้น ด้วยการห้ามผู้ที่เพิ่งเดินทางไป อังกฤษ สหภาพยุโรป จีน อินเดีย อิหร่าน บราซิล หรือ แอฟริกาใต้ ในช่วง 14 วันก่อนหน้า ไม่ให้เดินทางมายังสหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ แสดงความยินดีต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเดินทางของรัฐบาลกรุงวอชิงตัน พร้อมกล่าวว่า นักเดินทางต่างชาติน่าจะสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ก่อนเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าในปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน
SEE ALSO: นายกฯ อังกฤษ เยือนอเมริกา-ยูเอ็น พร้อมชูวาระต่อสู้โลกร้อน
ขณะเดียวกัน สมาคมท่องเที่ยวสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความยินดีต่อคำประกาศของรัฐบาลในครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่า “จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจอเมริกันได้”
โรเจอร์ ดาว ซีอีโอ ของสมาคมท่องเที่ยวสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ที่ออกมาในวันจันทร์ว่า สิ่งที่เกิดขึ้น “คือจุดเปลี่ยนสำคัญในแผนงานจัดการไวรัส และจะช่วยเร่งการฟื้นตัวของตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจำนวนหลายล้านตำแหน่ง ซึ่งหดหายไปเนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ”
รายงานข่าวระบุว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสที่เดินทางเข้ามาสหรัฐฯ จะไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวเฝ้าระวังอาการ ดังเช่นที่บางประเทศดำเนินการอยู่
อย่างไรก็ดี รัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยังคงพยายามผลักดันให้ชาวอเมริกันฉีดวัคซีนให้มากขึ้นและประกาศว่า ผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนและเดินทางกลับมาจากต่างประเทศจะต้องถูกตรวจการติดเชื้อภายในวันที่เดินทางถึงสหรัฐฯ และอีกครั้งเมื่อเดินทางถึงบ้านของตน
ข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า ปัจจุบัน ชาวอเมริกันกว่า 181 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ขณะที่มีประชาชนราว 70 ล้านคนที่มีสิทธิ์รับวัคซีนแต่ปฏิเสธที่จะทำการฉีด ด้วยเหตุผลต่างๆ กันไปอยู่
เจฟฟ์ เซียนท์ ผู้ประสานงานทีมงานรับมือโคโรนาไวรัสประจำทำเนียบขาว ยืนยันว่า นโยบายใหม่นี้ “อ้างอิงที่ข้อมูลตัวบุคคล มากกว่าการพิจารณาดูประเทศที่เพิ่งเดินทางออกมา และเป็นระบบที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเก่า”
นอกจากนั้น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ยังจะขอให้สายการบินต่างๆ ให้เก็บข้อมูลผู้เดินทางจากต่างประเทศให้ เพื่ออำนวยความสะดวกการติดตามตัว หากเกิดการระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มผู้เดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า วัคซีนชนิดใดถือว่าเป็นวัคซีนที่สหรัฐฯ จะใช้อ้างอิงในการพิจารณาอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศได้ โดย เซียนท์ กล่าวว่า CDC จะเป็นผู้ตัดสินใจในประเด็นนี้เอง