สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะลงคะแนนเสียงในวันพุธ ว่าด้วยการหามาตรการให้ครอบครัวผู้อพยพเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายไม่ต้องถูกแยกจากกันระหว่างกระบวนการทางกฏหมาย ขณะที่ 17 รัฐทั่วอเมริกา เตรียมยื่นฟ้องต่อรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ว่าล้มเหลวในการดูแลครอบครัวที่พลัดพรากจากกันในช่วงก่อนการยกเลิกนโยบายดังกล่าว
นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ บอกว่า รัฐบาลสนับสนุนให้ครอบครัวของผู้อพยพอยู่ด้วยกัน แต่ก็มีจุดยืนที่ชัดเจนในการปกป้องพรมแดนและบังคับใช้กฏหมายคนเข้าเมืองด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ทางส.ส. สหรัฐฯ ที่รีพับลิกันเป็นเสียงข้างมาก พยายามแก้ไขนโยบายผู้อพยพมาโดยตลอด แต่นักวิเคราะห์ทางการเมืองประเมินว่าอาจถูกคัดค้านอีกก็ได้ หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน ส.ส.สหรัฐฯ คว่ำกฎหมายของกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ต้องการผลักดันนโยบายผู้อพยพที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
อีกด้านหนึ่งในวันอังคาร อัยการของ 17 รัฐทั่วอเมริกา เตรียมยื่นคัดค้านทางกฏหมายกับรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จากนโยบายพรากลูกจากพ่อแม่ผู้อพยพที่เรียกเสียงประณามไปทั่วโลกเป็นครั้งแรก หลังพบว่ารัฐบาลล้มเหลวในการดูแลครอบครัวที่พลัดพรากจากกันในช่วงก่อนการยกเลิกนโยบายดังกล่าว
โดย 17 รัฐที่เตรียมยื่นฟ้อง ได้แก่ รัฐวอชิงตัน นิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย นิวเจอร์ซีย์ แมสซาชูเซตส์ เดลาแวร์ ไอโอวา อิลลินอยส์ แมรีแลนด์ มินนิโซตา นอร์ท แคโรไลนา โอเรกอน นิว เม็กซิโก โรด ไอส์แลนด์ เพนซิลเวเนีย เวอร์มอนต์ เวอร์จิเนีย รวมทั้งกรุงวอชิงตัน
ทั้งนี้ ภายในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเด็กราว 2,300 คนที่ถูกแยกจากพ่อแม่ และถูกส่งไปยังศูนย์กักกัน ขณะที่พ่อแม่ของพวกเขาถูกดำเนินคดีฐานลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย หลายครอบครัวต้องแยกจากลูกไปต่างรัฐที่ไกลออกไปหลายพันไมล์ และไม่มีโอกาสได้พบหน้าหรือพูดคุยกันนานกว่า 1 เดือน
หลังจากภาพและเสียงของเด็กที่ถูกกักขังอยู่ ได้เผยแพร่ออกไปทั่วโลก ส่งผลให้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อหยุดการพรากเด็กๆ จากครอบครัวผู้อพยพตามแนวพรมแดน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีแผนการที่ชัดเจนว่า การส่งตัวเด็กกลับสู่อ้อมอกพ่อแม่ผู้อพยพนั้นจะเกิดขึ้นในรูปแบบใด