ช่วงสุดสัปดาห์นี้ อาจกล่าวได้ว่า เป็นช่วงเวลาแสนวุ่นวายโกลาหลสำหรับชาวอเมริกันไม่น้อย เพราะมีกิจกรรมและเหตุการณ์หลายอย่างจะเกิดขึ้นใกล้ๆ กัน โดยเฉพาะเมื่อวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใกล้เข้ามาทุกขณะ
วันฮาโลวีน
โดยในคืนวันเสาร์ 31 ตุลาคม ตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคืนวันฮาโลวีน ในปีนี้ บรรยากาศเฉลิมฉลอง 'วันปล่อยผี' น่าจะเงียบเหงาวังเวงกว่าที่เคยเป็นมา เพราะสถานการณ์การระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ยังคงดำเนินอยู่ ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์หมั่นเตือนให้ผู้คนสวมหน้ากากเมื่ออยู่นอกเคหสถานพร้อมๆ กับรักษาระยะห่างทางสังคม
อย่างไรก็ตาม หลายคนยังคงตกแต่งบ้านเรือนและพื้นที่สนามหน้าบ้าน ด้วยหินป้ายหลุมศพปลอม โครงกระดูก ชิ้นส่วนมนุษย์ปลอม ใยแมงมุม หุ่นคนถูกแขวนคอและแม่มด ให้เห็นประปราย ตั้งแต่ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักข่าว CNN รายงานว่า นักวิชาการมองว่า แม้ประชาชนจะไม่อาจออกมาสนุกสนานกับเทศกาลนี้ได้อย่างเคย การเฉลิมฉลองในบางรูปแบบน่าจะเป็นเรื่องที่ดีเพื่อช่วยปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมาตลอดหลายเดือน ทั้งเรื่องของโควิด-19 และการเลือกตั้งที่จะมาถึงในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้
บลูมูน - คืนวันพระจันทร์สีน้ำเงิน
และคืนวันฮาโลวีนปีนี้ ตรงกับคืนวันพระจันทร์เต็มดวง นักวิชาการบางคนชี้ว่า คืนวันเดือนหงายนี้ ยิ่งดูน่าขนหัวลุกกว่าปกติ
เรจินา แฮนเซน อาจารย์แห่งมหาวิทยาลัยบอสตัน และผู้ร่วมประพันธ์หนังสือ “Supernatural, Humanity, and the Soul: On the Highway to Hell and Back” กล่าวว่า ช่วงเวลาที่จะมาถึงคือ เวลาแห่งอารมณ์คุกรุ่นที่อาจขาดผึง ทำให้คนเราสามารถทำอะไรแปลกๆ ได้ แม้สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ
เมื่อวิเคราะห์บริบทของการฉลองวันฮาโลวีนแล้ว จะพบว่า นี่คือโอกาสที่คนเราสามารถกลายมาเป็นอีกคนหนึ่งในโลกที่ต่างจากปกติ เพราะเป็นคืนๆ เดียวที่ผู้คนสามารถแสดงตัวตนอีกแบบ หรือแสดงความฝันในวัยเยาว์ ที่อยากจะเป็นอะไรๆ เช่น นักบินอวกาศ ซุปเปอร์ฮีโร่ หรือแม้แต่อาชญากร โดยไม่มีใครว่าหรือตัดสินกัน
แฮนเซนให้ความเห็นว่า อารมณ์ที่พลุ่งพล่าน และจิตวิญญาณของความเป็นอิสระ ซึ่งมารวมกันอยู่ในคืนนี้ เป็นเหมือนเวลาแห่งความมหัศจรรย์ของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ ที่แต่งตัวในชุดแฟนซีหลากหลาย และเดินไปเคาะประตูบ้านคนแปลกหน้าเพื่อรับขนมหวาน หรือผู้ใหญ่ที่อาจลุกขึ้นมาแต่งตัวเป็นซอมบี้นักการเมืองในชุดสูทเปื้อนเลือด เพื่อแสดงออกทางการเมือง ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนยอมรับกันได้
และในคืนที่มีความหมายทางสังคมนี้ มีความพิเศษขึ้นเพราะจะเป็นคืนวันดวงจันทร์สีน้ำเงิน หรือ Blue Moon ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ดวงจันทร์จะมีสีน้ำเงิน แต่เป็นนิยามเรียกคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งที่ 2 ของเดือน อันเป็นปรากฎการณ์ที่มักเกิดขึ้นทุกๆ 2 ปีครึ่ง หรือ 3 ปี และเป็นที่มาของวลีภาษาอังกฤษ “once in a blue moon” หรือ นานทีปีหน
ปกติ การที่วันดวงจันทร์สีน้ำเงินจะตรงกันวันฮาโลวีนนั้นจะเกิดขึ้นได้ทุกๆ 19 ปี โดยประมาณ ซึ่งแปลว่า หลังจากปีนี้ไป การที่สองวันนี้จะมาตรงกันก็คือ ปี 2039 ปี 2058 ปี 2077 และ ปี 2096 เป็นต้น
และการที่คืนวันพระจันทร์เต็มดวง มักถูกนำไปผูกกับอารมณ์รุนแรงและตำนานมนุษย์หมาป่า คืนวันฮาโลวีนปีนี้ อาจมีความแปลกใหม่บางอย่างที่คาดไม่ถึง
เวลาออมแสง - Daylight Saving Time (DST)
แม้นักวิทยาศาสตร์จะไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่า คืนเดือนหงายและเหตุอาชญากรรมจะมีความเกี่ยวเนื่องกันก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ข้อมูลที่ผ่านมาพบคือ การปรับเวลาเข้าสู่ช่วงการออมแสง หรือ Daylight Saving Time (DST) ที่จะเกิดขึ้นในช่วงคืนวันเสาร์ และก่อนรุ่งอรุณของวันอาทิตย์ตามเวลาในสหรัฐฯ จะนำมาซึ่งความวุ่นวายพอสมควร เพราะทุกคนต้องปรับตัว สมอง และกิจกรรมต่างๆ ให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง
สถาบัน The American Academy of Sleep Medicine (AASM) ออกแถลงการณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อเสนอให้มีการยกเลิกการเปลี่ยนเวลา DST นี้เสีย เพราะการปรับเปลี่ยนตารางชีวิตปีละ 2 ครั้งนี้ เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด และปัญหาด้านสุขภาพจิต รวมทั้งเหตุผิดพลาดด้านการรับยา และอุบัติเหตุทางการจราจรด้วย
CNN รายงานว่า ในเวลานี้ ทางการใน 8 รัฐได้ผ่านกฎหมายที่จะยกเลิกระบบ DST นี้แล้ว ขณะที่อีก 32 รัฐ กำลังอยู่ในระหว่างการทบทวนร่างกฎหมายนี้
แต่ในช่วงที่ชีวิตยังต้องดำเนินไปในรูปแบบนี้ นายแพทย์ คานนัน รามาร์ ประธานสถาบัน AASM และผู้เชี่ยวชาญด้านการเวชศาสตร์การนอนแห่ง เมโย คลินิก บอกกับ CNN ไว้ก่อนหน้านี้ว่า 2-3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะถึงวันปรับเวลานั้น ทุกคนควรค่อยๆ ขยับเวลาตารางชีวิตของตนให้สอดคล้องกับเวลาที่จะเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง