ธุรกิจอเมริกันโอดครวญกระบวนการขอวีซ่า H-1B สำหรับคนงานต่างชาติยุ่งยากและส่งผลต่อธุรกิจ

U.S. Citizenship and Immigration Services (USCIS) announced today that it has received a sufficient number of H-1B petitions to reach the statutory cap for fiscal year (FY) 2015.

71% ของผู้ร่วมการสำรวจระบุว่าอาจย้ายธุรกิจไปต่างประเทศหากไม่สามารถหาคนทำงานในสหรัฐฯ ได้ตามต้องการ

Your browser doesn’t support HTML5

H-1B Visa Survey

ผลการสำรวจโดยคณบดีคณะบริหารธุรกิจ Tuck School of Business ของมหาวิทยาลัย Dartmouth ในสหรัฐฯ ซึ่งทำกับผู้บริหารธุรกิจของสหรัฐฯ 400 คนได้พบว่า กระบวนการขอวีซ่า H-1B เพื่อให้ชาวต่างชาติที่มีพื้นฐานการศึกษาอย่างต่ำระดับปริญญาตรี และมีทักษะความชำนาญเฉพาะในบางสาขาสามารถทำงานในสหรัฐฯ ได้นานหกปีนั้น มีข้อจำกัดที่ยุ่งยาก มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ

โดยปกติแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตั้งโควตาวีซ่าประเภท H-1B นี้ปีละ 85,000 ใบ โดยผู้สมัครไม่สามารถยื่นขอได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องมีนายจ้างที่สนใจยื่นขอให้ และเมื่อปีที่แล้วมีใบสมัครขอวีซ่าประเภทนี้มากถึง 233,000 ฉบับด้วยกัน

ชาวอเมริกันบางคนเชื่อว่า ผู้ได้วีซ่า H-1B จะเข้ามาแย่งงานของตน แต่คุณ Rosario Marin ประธานร่วมของหน่วยงานชื่อ American Competitiveness Alliance ชี้ว่า อุตสาหกรรมไฮเทคของสหรัฐฯ ต้องการคนงานประเภทนี้

โดยให้ตัวเลขว่าเกือบ 80 % ของนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอกสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าในสหรัฐฯ เป็นชาวต่างชาติ

และกว่า 70 % ของผู้ศึกษาระดับปริญญาโทและเอกสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ ก็เป็นนักศึกษาต่างชาติเช่นกัน

ส่วนคุณ Bjorn Billhardt ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งยื่นขอวีซ่า H-1B ให้กับนักวิชาชีพต่างชาติก็ชี้ว่า การขาดคนงานที่มีความรู้ความสามารถ จะทำให้ธุรกิจสหรัฐฯ ไม่สามารถเริ่มโครงการใหม่ๆ ได้ และเรื่องนี้จะส่งผลต่อผลิตผลและนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วย

นอกจากนั้น 71 % ของผู้บริหารในการสำรวจเรื่องนี้ยังกล่าวว่า ตนอาจย้ายฐานธุรกิจไปอยู่ต่างประเทศ หากไม่สามารถหาคนทำงานซึ่งมีทักษะและความรู้ความสามารถที่เหมาะสมในสหรัฐฯ ได้ตามต้องการ