สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ออกคำเตือนใหม่เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน เนื่องจากมีการพบความเชื่อมโยงกับอาการป่วยด้านระบบประสาทของผู้รับยา
ในประกาศล่าสุดของ FDA นั้น มีการระบุว่า ทางสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ ได้รับรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จำนวน 100 คนที่มีอาการป่วยของโรคภูมิแพ้ตัวเอง ที่มีชื่อว่า โรคกิลแลง-บาร์เร (Guillain–Barré syndrome) ซึ่งเกิดขึ้นหลังระบบภูมิคุ้มกันเข้าไปทำลายเซลล์ประสาทของผู้ป่วย ทั้งยังทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า และอาจมีอาการอัมพาตได้ด้วย
รายงานข่าวระบุว่า ในแต่ละปี สหรัฐฯ ตรวจพบผู้ป่วยโรคดังกล่าวเป็นจำนวน 3,000 ถึง 6,000 คน
FDA กล่าวว่า จากรายงานเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคกิลแลง-บาร์เร ทั้ง 100 รายนั้น มีผู้เสียชีวิตไป 1 ราย และมีผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 95 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยเพศชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และแสดงอาการป่วยหลังฉีดวัคซีนแบบเข็มเดียวนี้ไปได้ 2 สัปดาห์
ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยโรคดังกล่าวที่ได้รับการตรวจพบนั้น ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับตัวเลขผู้รับวัคซีนของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จำนวน 12.8 ล้านคนในสหรัฐฯ
หลังจากทำการประเมินข้อมูลต่างๆ แล้ว FDA สรุปว่า “ประโยชน์ที่พึงได้และที่ทราบกันอยู่แล้ว” ของวัคซีนนั้นยัง “มีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้และที่ทราบกันอยู่แล้ว”
อย่างไรก็ตาม คำเตือนจาก FDA นี้ ทำให้เกิดความสงสัยกังวลเกี่ยวกับวัคซีนของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ในหมู่ประชาชนมากขึ้น หลังจากที่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา FDA และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) เคยประกาศระงับการใช้วัคซีนตัวนี้ไปแล้ว 1 ครั้ง เนื่องจากมีรายงานว่า มีผู้รับวัคซีนที่เป็นผู้หญิงที่มีอายุไม่ถึง 50 ปีจำนวนหนึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับลิ่มเลือดแข็งตัวภายหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย