รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะเร่งกระบวนการพิจารณาขอลี้ภัยที่มีการยื่นที่บริเวณพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก พร้อมๆ กับการเร่งดำเนินการส่งกลับครอบครัวผู้อพยพบางส่วน ตามข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยจากทำเนียบขาวในวันอังคาร
แม้ปธน.ไบเดน จะสั่งยกเลิกนโยบายตรวจคนเข้าเมืองแบบมีข้อจำกัดมากมายที่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ริเริ่มไว้ สถานการณ์การอพยพเข้าเมืองตามแนวชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ ยังคงมีความตึงเครียดสูงอยู่ โดยพิสูจน์ได้จากสถิติการจับกุมที่บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศซึ่งเพิ่มขึ้นจนทำสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปีไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเป็นประเด็นที่ทำให้นักการเมืองสังกัดพรรครีพับลิกันออกมาโจมตีผู้นำประเทศคนปัจจุบันว่า ทำการที่ส่งเสริมให้มีคนพยายามเดินทางเข้ามาสหรัฐฯ มากขึ้น
ในส่วนของแผนงานล่าสุดของรัฐบาลปธน.ไบเดนนี้ รายงานข่าวระบุว่า มีจุดประสงค์ที่จะเร่งการพิจารณาคำขอลี้ภัยที่มีการยื่นไว้ที่ด่านข้ามแดนทางใต้ของประเทศ ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายผู้อพยพเป็นผู้ทำการตัดสินใจว่าจะอนุญาตหรือปฏิเสธคำขอได้เอง และไม่ต้องนำเรื่องส่งไปยังศาลตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลที่มีงานล้นมืออยู่ โดยทำเนียบขาวยังคงทบทวนร่างกฎใหม่นี้อยู่
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยแผนที่จะเร่งการส่งตัวครอบครัวผู้อพยพบางครอบครัวที่ติดปัญหาและถูกกักตัวไว้ที่พรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก กลับประเทศโดยเร็วด้วย โดยแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า กระบวนการเร่งส่งตัวกลับนั้นจะมีผลกับครอบครัวที่ไม่ได้ระบุเหตุผลว่า กลัวการถูกก่อกวนข่มเหงเมื่อเดินทางกลับประเทศของตน