วุฒิสภาของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประกอบด้วย สว. 100 คน ที่เป็นตัวแทนจากทั้ง 50 รัฐ รัฐละสองคน มีวาระดำรงตำแหน่งครั้งละหกปี โดย สว. สหรัฐฯ นั้นมาจากการเลือกตั้งของประชาชนนับตั้งแต่ปี 1913 หรือเมื่อ 110 ปีที่แล้ว ตามข้อมูลของเว็บไซต์วุฒิสภาสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีเช่นกันที่ สว.สหรัฐฯ มาจากการแต่งตั้งโดยผู้ว่าการรัฐ เมื่อเกิดเหตุการณ์พิเศษ เช่น ตำแหน่งว่างลงเพราะ สว.จากการเลือกตั้ง ลาออก หรือเสียชีวิตกลางเทอม
อย่างไรก็ตาม สว.แต่งตั้งเหล่านี้ต้องลงเลือกตั้งเพื่อให้ดำรงตำแหน่งต่อไปได้
ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ มีหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ ทั้งในด้านที่ทำงานร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ รวมถึงมีอำนาจเฉพาะบางประการ เช่น อนุมัติสนธิสัญญาที่ร่างโดยผ่ายบริหาร เสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น ทูต ผู้พิพากษาศาลสูง ตั้งคณะสืบสวนต่อการกระทำผิดของฝ่ายบริหาร รวมไปถึงตั้งคณะไต่สวนเพื่อพิจารณาถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นต้น
นอกจากนี้ สว.สหรัฐฯ ยังมีบทบาทในการรับรองผลคะแนนจากคณะผู้แทนเลือกตั้ง หรือ electoral college ในการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยทั้ง สว. และ ส.ส. จะเปิดวาระการประชุมร่วมกันเพื่อจัดการลงคะแนนและรับรองผลดังกล่าว และทั้ง ส.ส.และ สว.สหรัฐฯ ไม่มีอำนาจลงคะแนนเลือกผู้นำประเทศโดยตรงแต่อย่างใด เพราะสหรัฐฯ มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีทุก ๆ 4 ปี
วีโอเอรวบรวมตัวอย่าง สว.สหรัฐฯ ที่มาจากการแต่งตั้งในช่วงปี 2018-2023 ดังต่อไปนี้
พีท ริคเก็ตส์ สว.สหรัฐฯ จากรัฐเนแบรสกา พรรครีพับลิกัน
ริคเก็ตส์เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐเนแบรสกาตั้งแต่ปี 2015 จนถึงเดือนมกราคม 2023 ก่อนที่จิม พิลเลน จากพรรครีพับลิกัน จะได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐต่อจากเขา ตามรายงานของเอพี
ในเดือนเดียวกัน เบน แซสส์ สว.สหรัฐฯ จากรัฐเนแบรสกา พรรครีพับลิกัน ลาออกเพื่อดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง หลังเป็น สว.มาได้เพียงสองปี พิลเลนจึงแต่งตั้งริคเก็ตส์ให้ดำรงตำแหน่ง สว.ของรัฐนี้แทน
อย่างไรก็ตาม ริคเก็ตส์ต้องลงเลือกตั้งพิเศษของรัฐเนแบรสกาในปีหน้า ซึ่งเป็นการเลือกตั้งเพื่อให้ได้ สว.มาดำรงตำแหน่งให้ครบวาระเดิมของแซสส์ โดยริคเก็ตส์เผยว่า หากเขาชนะเลือกตั้ง เขาจะลงเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2026
พิลเลนกล่าวว่า เขาเลือกริคเก็ตส์จากกลุ่มผู้สมัคร 111 คน เพราะริคเก็ตส์มีจุดยืนด้านอนุรักษนิยมเหมือนเขา และริคเก็ตส์ต้องการลงเลือกตั้งเพื่อรักษาเก้าอี้ สว.ต่อไป
ทั้งนี้ นักการเมืองจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันบางส่วนตั้งคำถามถึงการแต่งตั้งริคเก็ตส์ เนื่องจากเขาเคยมอบเงินกว่า 100,000 ดอลลาร์ให้แคมเปญหาเสียงของพิลเลน
อเล็กซ์ พาดิลลา
สว.สหรัฐฯ จากรัฐแคลิฟอร์เนีย พรรคเดโมแครต
เมื่อปี 2021 พาดิลลา อดีตเลขานุการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้รับแต่งตั้งเป็น สว.สหรัฐฯ จากรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยแกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อดำรงตำแหน่งแทนคามาลา แฮร์ริส ที่ชนะเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2020 ตามรายงานของเอพี
พาดิลลาถือเป็น สว.สหรัฐฯ จากรัฐแคลิฟอร์เนียคนแรกที่เป็นชาวฮิสแปนิก โดยชาวละตินอเมริกันที่มีสัดส่วนเป็น 40% ของประชากรรัฐแคลิฟอร์เนียทั้งหมด 40 ล้านคน สนับสนุนการแต่งตั้งครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้นำชุมชนผิวดำบางส่วนวิจารณ์การแต่งตั้งพาดิลลาเนื่องจากพวกเขาต้องการ สว.หญิงผิวดำมาแทนที่แฮร์ริส
ลอนดอน บรีด นายกเทศมนตรีนครซานฟรานซิสโก ที่กล่าวว่า การแต่งตั้งพาดิลลา “เป็นการโจมตีชุมชนชาวแอฟริกันอเมริกันอย่างแท้จริง”
พาดิลลาลงเลือกตั้งรักษาเก้าอี้ สว.ในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2022 และชนะการเลือกตั้งครั้งนั้นไปได้
เคลลี เลฟเฟลอร์
สว.สหรัฐฯ จากรัฐจอร์เจีย พรรครีพับลิกัน
เมื่อปี 2019 เลฟเฟลอร์ นักธุรกิจหญิง ได้รับแต่งตั้งเป็น สว.สหรัฐฯ จากรัฐจอร์เจีย แทนที่จอห์นนี ไอแซคซัน ที่ลาออกด้วยเหตุผลทางสุขภาพ เธอได้รับการแต่งตั้งโดยไบรอัน เคมพ์ ผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย
เอพีรายงานว่า เคมพ์แต่งตั้งเลฟเฟลอร์ หลังจากพิจารณาระหว่างเธอกับ ส.ส.ดัก คอลลินส์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากผู้สนับสนุนทรัมป์ว่าเธอเป็นนักการเมืองสายกลางและยังขาดประสบการณ์ ขณะที่เลฟเฟอลร์พยายามชูจุดยืน “สนับสนุนทรัมป์ สนับสนุนกองทัพ สนับสนุนกำแพง (กั้นชายแดน)” เพื่อเรียกความนิยมจากฐานเสียงฝ่ายอนุรักษนิยม
เลฟเฟลอร์เป็น สว.สหรัฐฯ หญิงคนที่สองจากรัฐจอร์เจีย และยังเป็นนักการเมืองในรัฐสภาสหรัฐฯ ที่ร่ำรวยที่สุดในขณะนั้น ด้วยทรัพย์สินร่วมกับสามีราว 800 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของฟอร์บส โดยเธอหมดวาระหลังแพ้เลือกตั้ง สว.รอบสองในรัฐจอร์เจียเมื่อเดือนมกราคม 2021 ตามรายงานของรอยเตอร์
จอน คีล
สว.สหรัฐฯ จากรัฐแอริโซนา พรรครีพับลิกัน
คีลได้รับเลือกตั้งเป็น สว.สหรัฐฯ จากรัฐแอริโซนา เมื่อปี 1995 – 2013 ก่อนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้อีกครั้งเมื่อเดือนกันยายนปี 2018 โดยดัก ดูซี ผู้ว่าการรัฐแอริโซนา เพื่อรับช่วงต่อจากจอห์น แม็คเคน ที่เสียชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่ง ตามรายงานของเอพี
คีลดำรงตำแหน่งครั้งนี้เพียงไม่ถึงสี่เดือนก่อนลาออกในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน แม้จะดำรงตำแหน่งในช่วงสั้น ๆ แต่เขาก็เป็นหนึ่งใน สว.สหรัฐฯ ที่ลงคะแนนเสียงรับรองเบรตต์ คาวานอห์ ผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยม ให้เป็นหนึ่งในผู้พิพากษาศาลสูงของสหรัฐฯ ตามการเสนอชื่อของ ปธน.ทรัมป์
ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อครั้งที่คีลได้กลับมาดำรงตำแหน่งว่า “จอน คีล จะเป็น สว.พิเศษ ที่เป็นตัวแทนของรัฐที่พิเศษอย่างแอริโซนา ผมจะรอทำงานร่วมกับเขา”
ผู้ว่าการรัฐแอริโซนาได้แต่งตั้งให้มาร์ธา แม็คแซลลี จากพรรครีพับลิกัน ดำรงตำแหน่ง สว.สหรัฐฯ ต่อจากคีล ซึ่งตามกฎหมายของรัฐแอริโซนา ผู้ว่าการรัฐสามารถแต่งตั้งสมาชิกจากพรรครีพับลิกันให้ดำรงตำแหน่งนี้ได้เท่านั้น เนื่องจากแมคเคน สว.ผู้ล่วงลับ ได้รับเลือกตั้งขณะที่เขาเป็นสมาชิกพรรคดังกล่าว
ทินา สมิธ
สว.สหรัฐฯ จากรัฐมินนิโซตา พรรคดีเอฟแอล
สมิธ อดีตรองผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เป็นสมาชิกพรรคมินนิโซตา เดโมแครต-เกษตรกร-แรงงาน (Minnesota Democratic–Farmer–Labor Party) หรือ ดีเอฟแอล ซึ่งเป็นพรรคที่ใกล้ชิดกับพรรคเดโมแครตและมีบทบาทในรัฐดังกล่าว
เมื่อปี 2018 มาร์ก เดย์ตัน ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา แต่งตั้งให้สมิธดำรงตำแหน่ง สว. แทนที่อัล แฟรงเกน ที่ประกาศลาออกหลังเผชิญข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ โดยต่อมา
ต่อจากนั้นสมิธเอาชนะการเลือกตั้ง สว.พิเศษในปีเดียวกัน และกำชัยอีกครั้งในการเลือกตั้งตามวาระปี 2020 ไปได้ และดำรงตำแหน่ง สว.สหรัฐฯ จนถึงปัจจุบัน ตามรายงานของเอพี
- ที่มา: วุฒิสภาสหรัฐฯ, เอพี, รอยเตอร์, ฟอร์บส