องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ถูกบีบให้ต้องหยุดการนำส่งอาหารและปัจจัยช่วยเหลืออื่น ๆ เข้าไปในกาซ่าในวันศุกร์หลังระบบโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตล่มเนื่องจากไม่มีเชื้อเพลิง เตือน ความอดอยากมีแนวโน้มขยายวง
เอพีรายงานว่า อิสราเอลประกาศอนุญาตให้รถน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนสองถังเข้าไปในฉนวนกาซ่า สำหรับการใช้งานของยูเอ็นและระบบการสื่อสาร ซึ่งเป็นจำนวนเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ยูเอ็นประเมินว่าต้องใช้ในปฏิบัติการช่วยชีวิตประชาชนนับแสนคนในฉนวนกาซ่า ที่รวมถึงการหล่อเลี้ยงระบบน้ำประปา โรงพยาบาล เตาอบอาหาร รวมถึงการเติมน้ำมันรถขนส่งความช่วยเหลือ
นับตั้งแต่เกิดสงคราม อิสราเอลได้ปิดกั้นการขนส่งเชื้อเพลิงด้วยเหตุผลว่ากลุ่มฮามาสจะนำเชื้อเพลิงเหล่านั้นไปใช้ในทางการทหาร ไม่เพียงเท่านั้น อิสราเอลยังได้ปิดกั้นการนำส่งอาหาร น้ำ และปัจจัยอื่น ๆ โดยอนุญาตให้การช่วยเหลือเข้าได้เพียงน้อยนิดจากฝั่งชายแดนกาซ่า-อียิปต์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระบุว่ามีปริมาณน้อยกว่าความต้องการ
เอพีรายงานว่าการนำส่งอาหารจากกาซ่า นับเป็นเพียง 10% จากปริมาณที่ต้องการต่อวัน ระบบน้ำประปาที่ไม่ทงานก็ทำให้ประชากรราว 70% ต้องดื่มน้ำกร่อยหรือน้ำสกปรก ทำให้เกิดโรคระบาดที่ติดต่อผ่านน้ำตามมา
ในวันศุกร์นี้ ถือเป็นวันที่สองที่ระบบการสื่อสารไม่สามารถใช้งานได้ หมายความว่าประชาชนในกาซ่าราว 2,300,000 คนแทบจะติดต่อกันเองและสื่อสารกับโลกภายนอกไม่ได้
จูเลียต โทวมา โฆษกสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติ (UNRWA) ระบุว่า ตราบใดที่ระบบการสื่อสารยังคงไม่ทำงาน พวกเขาก็ก็ไม่สามารถนำขบวนรถความช่วยเหลือเข้าไปในกาซ่าได้
กองทัพอิสราเอลมีการส่งสัญญาณว่าพวกเขาสามารถขยายวงการโจมตีไปยังกาซ่าตอนใต้ได้ในขณะที่โจมตีพื้นที่ทางตอนเหนือ ที่ทหารกำลังปฏิบัติการค้นหาโรงพยาบาลชิฟา ที่เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุดในพื้นที่ฉนวนกาซ่า ซึ่งทหารอ้างว่าเป็นจุดที่มีศูนย์บัญชาการของกลุ่มติดอาวุธฮามาสอยู่ใต้ดิน
สงครามที่ดำเนินเข้ามาสู่สัปดาห์ที่หก เริ่มต้นจากปฏิบัติการของกลุ่มฮามาสเข้าไปในอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคม ที่คร่าชีวิตประชาชนไปมากกว่า 1,200 คน โดยส่วนมากเป็นพลเรือน และได้ลักพาตัวทั้งผู้ใหญ่และเด็กไปราว 240 คน
ในสงครามครั้งนี้ มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 11,400 คน โดย 2 ใน 3 เป็นเด็กและผู้หญิง รวมถึงมีคนสูญหาย ที่เชื่อว่าติดอยู่ตามซากอาคารอยู่ราว 2,400 คน ตามการรายงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ จำนวนนับดังกล่าวไม่ได้มีการแยกว่าใครเป็นพลเรือนและใครเป็นนักรบติดอาวุธ ทั้งนี้ ทางอิสราเอลระบุว่าได้สังหารนักรบไปแล้วเป็นหลักพันคน
หลังจากการร้องขอของสหรัฐฯ อิสราเอลตกลงให้รถส่งเชื้อเพลิงเข้าสู่กาซ่าได้วันละสองคัน ซึ่งเป็นจำนวนที่ซาชี ฮาเนกบี ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระบุว่าน้อยมาก ๆ หน่วยงานทหารของอิสราเอลที่ดูแลเรื่องกิจการปาเลสไตน์ระบุว่า ปริมาณเชื้อเพลิงดังกล่าวคิดเป็นจำนวนราว 60,000 ลิตรต่อวัน
เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่าอิสราเอลตกลงที่จะให้มีการขนส่งเชื้อเพลิงสำหรับระบบการสื่อสารอีกวันละ 10,000 ลิตร
เดิมที อิสราเอลจะไม่ยอมให้มีการส่งเชื้อเพลิงเข้าไปในกาซ่า จนกว่าฮามาสจะปล่อยตัวประกันออกมา โดยรัฐบาลอิสราเอลเองก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักให้ทำมาตรการทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ตัวประกันได้รับการปล่อยตัว
เอพีรายงานว่ามีผู้ชุมนุมจำนวนหลักพันคน รวมถึงครอบครัวของตัวประกันราว 50 ราย เดินขบวนบนระยะทาง 70 กม. ไปยังทำเนียบของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล เพื่อเรียกร้องให้ตัวเขาและคณะรัฐบาลให้ช่วยเหลือตัวประกัน และให้มีการหยุดยิงหรือแลกเปลี่ยนตัวประกันกับนักโทษ
ก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรีได้ปฏิเสธข้อเสนอของฮามาสที่จะแลกตัวประกัน กับนักโทษปาเลสไตน์ที่ถูกจำคุกอยู่ราว 6,000 คน
สำหรับสถานการณ์ที่ รพ.ชิฟา นพ.อาห์หมัด มุคาลาที กล่าวกับสำนักข่าวอัลจาซีราว่า โรงพยาบาลไม่มีไฟฟ้าเพื่อใช้สำหรับเครื่องช่วยหายใจกับผู้ป่วยไอซียูและระบบระบายอากาศ โดยมีเด็กทารกจำนวน 36 คนที่กำลังป่วยด้วยอาการท้องเสียรุนแรงเนื่องจากไม่มีน้ำสะอาดให้ดื่ม
อาบู เซลเมีย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชิฟา ระบุว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว 52 ราย นับตั้งแต่เชื้อเพลิงหมดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากพื้นที่ทางตอนเหนือ การโจมตีทางอากาศยังคงดำเนินไปในพื้นที่กาซ่าตอนใต้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชากรของพื้นที่ส่วนมากกำลังหลบภัย รวมถึงคนหลักแสนที่อพยพจากพื้นที่ตอนเหนือลงมาตามคำแนะนำของอิสราเอล
พล.ท.เฮิร์ลซ์ ฮาเลวี ฝ่ายเสนาธิการของอิสราเอลระบุในวันพฤหัสบดีว่า พวกเขาเกือบจะรื้อถอนระบบทหารได้ในพื้นที่ตอนเหนือได้แล้ว และจะมี “พื้นที่อีกมาก และอีกมาก” ที่จะตกเป็นเป้าหมายเพื่อการกำจัดกลุ่มฮามาส
- ที่มา: AP