ผู้แทนของสหรัฐฯ และรัสเซีย เผชิญหน้ากันในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติในวันจันทร์ จากข้อกล่าวหาว่ารัสเซียกำลังวางแผนบุกรุกยูเครน ซึ่งทางรัฐบาลรัสเซียยืนกรานปฏิเสธ
ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ลินดา โธมัส-กรีนฟีลด์ กล่าวกับสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงว่า “สถานการณ์ตึงเครียดในยุโรปขณะนี้ถือว่าเร่งด่วนและเป็นอันตราย และเดิมพันของยูเครนและบรรดาประเทศสมาชิกยูเอ็นก็สูงยิ่ง”
ทูตโธมัส-กรีนฟีลด์ กล่าวว่า ทหารรัสเซียจำนวนมากกว่า 100,000 คนที่ประจำการบริเวณพรมแดนติดกับยูเครนนั้นกำลังเตรียมที่จะบุกรุกยูเครนได้ตลอดเวลา ถือเป็นการเคลื่อนกำลังทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปในรอบหลายสิบปี และขณะนี้รัสเซียก็ยังคงส่งกำลังทหารและอาวุธเข้าไปเพิ่มในบริเวณนั้นอย่างต่อเนื่อง “รวมทั้งขีปนาวุธพิสัยใกล้ หน่วยรบพิเศษ และยานพาหนะยิงจรวดต้านอากาศยาน ที่รัสเซียส่งไปประจำการในเบลารุส”
ทูตสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่า รัสเซียมีแผนเพิ่มกำลังทหารบริเวณพรมแดนยูเครนอีก 30,000 คนในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งถือเป็นการคุกคามอย่างก้าวร้าวต่อยูเครน ยุโรป และพรมแดนระหว่างประเทศ
ทางด้านทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ วาสซิลี เนเบนเซีย กล่าวตอบโต้ในที่ประชุมของยูเอ็นเมื่อวันจันทร์ว่า การเคลื่อนกำลังทหารภายในดินแดนของรัสเซียเองนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำในขนาดที่ต่างกัน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยก่อให้เกิดความตื่นตระหนกใด ๆ พร้อมชี้ว่า สหรัฐฯ และชาติตะวันตกกำลังทำเหมือนว่ารัสเซียได้ส่งทหารบุกเข้าไปในยูเครนแล้ว และก็ยังไม่หลักฐานใด ๆ ที่นำมาแสดงให้เห็นเลยว่ารัสเซียวางแผนจะทำเช่นนั้น
ทูตรัสเซียผู้นี้กล่าวว่า ชาติตะวันตกเองที่เป็นฝ่ายยกระดับความตึงเครียด พร้อมยืนยันว่ารัสเซีย “ไม่กลัว” ที่จะหารือประเด็นนี้ เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงจำเป็นต้องมีการหารือ เพราะรัสเซียได้ปฏิเสธไปแล้วหลายครั้งว่าไม่มีแผนจะบุกยูเครน
ขณะเดียวกัน ผู้แทนของยูเครนประจำสหประชาชาติ เซอร์กีย์ คิสลิตสยา กล่าวว่า ยูเครนขอให้รัฐบาลรัสเซียถอนกำลังทหารออกจากบริเวณพรมแดนติดกับยูเครน และยูเครนขอปฏิเสธความพยายามของรัสเซียในการใช้กำลังทหารเพื่อข่มขู่ยูเครนไม่ให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ ตามที่รัสเซียต้องการ พร้อมยืนยันสิทธิของยูเครนในการตัดสินใจด้านความมั่นคงของชาติ รวมทั้งการเข้าร่วมกลุ่มองค์กรพันธมิตรใด ๆ ก็ตาม
ผู้แทนของยูเครนยืนยันด้วยว่า ยูเครนพร้อมที่จะป้องกันตนเองจากการรุกราน แต่ก็ยินดีที่จะกลับสู่การเจรจาเพื่อหาทางออกอย่างสันติกับรัสเซียเช่นกัน
ทางด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน มีแถลงการณ์ในวันจันทร์ว่า “หากรัสเซียมีความจริงใจในการแก้ปัญหาความตึงเครียดนี้ผ่านการเจรจา สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรก็จะยังคงยึดมั่นกับแนวทางสันตินี้ต่อไป แต่หากรัสเซียตัดสินใจเดินออกจากการเจรจาและใช้วิธีทางทหารโจมตียูเครน รัสเซียก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำน้ันและจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ตามมา”
- ข้อมูลบางส่วนจากรอยเตอร์