สหรัฐฯ และจีน จ่อลงนาม 'อนุสัญญาสิงคโปร์' ระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศ

Japan, Osaka, U.S. President Donald Trump meets with China's President Xi Jinping at the start of their bilateral meeting

Your browser doesn’t support HTML5

Singapore Convention

สองประเทศมหาอำนาจที่กำลังทำสงครามการค้ากันอยู่อย่าง สหรัฐอเมริกา และจีน แสดงความจำนงที่จะลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยข้อตกลงเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยการไกล่เกลี่ย (UN Convention on International Settlement Agreements Resulting from Mediation)​ ที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ตามรายงานของสื่อสิงคโปร์ Channel News Asia และ The Strait Times

อนุสัญญาดังกล่าว มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า อนุสัญญาสิงคโปร์ว่าด้วยการไกล่เกลี่ย (Singapore Convention on Mediation) ที่ตั้งขึ้นเพื่อยกย่องสิงคโปร์ในฐานะที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการร่างและจัดทำอนุสัญญาดังกล่าว เพื่อช่วยให้การบังคับใช้ข้อตกลงเพื่อยุติข้อพิพาทระหว่างประเทศเป็นไปได้ง่ายขึ้น

ในปัจจุบัน การไกล่เกลี่ยเป็นทางเลือกหนึ่งในการยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศ โดยผู้ไกล่เกลี่ยเป็นคนกลางที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือ เสนอแนะ หาทางออกในการยุติหรือระงับข้อพิพาทให้คู่กรณี แต่หากประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ทำตามข้อตกลง ประเทศคู่กรณีก็ไม่สามารถทำอะไรได้

การบังคับใช้ จึงเป็นกระบวนการสำคัญที่ยังขาดหายไปในการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศ

นอกจากการไกล่เกลี่ย ประเทศคู่กรณีอาจจะเลือกใช้วิธีอื่นในการหาข้อยุติ เช่น อนุญาโตตุลาการ หรือการนำคดีขึ้นสู่การพิจาณาพิพากษาของศาล

นาย เค ชันมุกาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรมของสิงคโปร์ กล่าวในวันจันทร์ว่าสหรัฐฯ จีน และประเทศอื่น ๆ อีกประมาณ 25 ประเทศ ต้องการจะลงนามในอนุสัญญาดังกล่าว และจะมีประเทศเข้าร่วมพิธีลงนามทั้งหมดประมาณ 50 ประเทศ รวมทั้ง ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเวียดนาม

นายชันมุกาม กล่าวว่า ประเทศเหล่านี้เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และมีการลงทุนมหาศาลในต่างประเทศ จึงเห็นความสำคัญของการมีกลไกหรือกระบวนการที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลในการบังคับใช้ระงับข้อพิพาทต่าง ๆ

สิงคโปร์ใช้เวลาร่างและจัดทำอนุสัญญานี้ประมาณ 3 ปี หลังจากความพยายามครั้งก่อน ๆ ล้มเหลว ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงอื่น ๆ ของสิงคโปร์ก็ได้เดินทางไปพบปะตัวแทนหลายประเทศเพื่อให้ประเทศเหล่านั้นสนับสนุนและลงนามในอนุสัญญาฉบับนี้