ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เดินทางเยือนสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ โดยมีการประกาศวาระการเยือนกรุงวอชิงตันครั้งนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ผู้นำยูเครนจะเดินทางมาถึง แต่มีการเปิดเผยว่าแท้จริงแล้ว การเยือนครั้งนี้ได้มีการเตรียมการล่วงหน้ามาเป็นเวลาหลายเดือน
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่การประชุมในเมืองซาเกร็บ ส.ส.แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้หารือกับประธานรัฐสภายูเครน เรื่องการกล่าวปราศรัยของประธานาธิบดีเซเลนสกีที่รัฐสภาสหรัฐฯ
ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และยูเครนได้หารือกันในเรื่องการเยือนทำเนียบขาวเป็นเวลาหลายเดือนแล้วเช่นกัน โดยตั้งเป้าว่า เป็นช่วงปลายปีนี้เพื่อให้ผู้นำยูเครนได้ส่งข้อความขอการสนับสนุนก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง
U.S. President Joe Biden welcomes Ukraine's President Volodymyr Zelenskiy on the South Lawn at the White House in Washington, U.S., December 21, 2022.
ที่ผ่านมา ปธน.เซเลนสกีเคยกล่าวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนว่า สหรัฐฯ คือประเทศแรกที่ตนต้องการไปเยือนเมื่อถึงเวลาที่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่รับรู้บทสนทนาดังกล่าว
และเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ผู้นำทั้งสองประเทศได้ยกหูโทรศัพท์พูดคุยกัน ซึ่งปธน.ไบเดน ได้เอ่ยปากเชิญปธน.เซเลนสกีและได้รับคำตอบว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำยูเครนจะไปเยือนกรุงวอชิงตัน จากนั้นจึงมีคำเชิญอย่างเป็นทางการออกมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ซึ่งเซเลนสกีเพิ่งตอบรับคำเชิญเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว และยืนยันในอีกสองวันต่อมา
SEE ALSO: ‘เซเลนสกี’ เยือนกรุงวอชิงตัน ครั้งแรกหลังสงครามปะทุเมื่อวันพุธที่ห้องทำงานในทำเนียบขาว ปธน.เซเลนสกี กล่าวว่า "ผมต้องการมาเยือนเร็วกว่านี้ซึ่งปธน.ไบเดน ทราบดี แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก" แต่ขณะนี้ "เราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และที่สำคัญที่สุดคือการสนับสนุนจากสหรัฐฯ"
ขณะที่ไบเดนกล่าวกับเซเลนสกีว่า "ยินดีอย่างยิ่งที่คุณสามารถเดินทางมาที่นี่ได้ และเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ยืนเคียงข้างคุณในความร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวเพื่อรับมือสงครามที่โหดร้ายจากน้ำมือของปูติน"
U.S. President Joe Biden and Ukraine's President Volodymyr Zelenskiy hold a joint news conference in the East Room of the White House in Washington, U.S., December 21, 2022.
รายละเอียดเบื้องหลังการวางกำหนดการครั้งนี้ถูกเปิดเผยโดยที่ปรึกษาของ ส.ส.เพโลซี และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในเวลาต่อมา หลังจากจบการเยือนซึ่งใช้เวลาเพียง 10 ชม. ตั้งแต่พบหารือกับไบเดนที่ห้องทำงาน จัดแถลงข่าวร่วมกันที่ทำเนียบขาว และกล่าวปราศรัยต่อสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ
มีการเปิดเผยถึงแผนการวางเส้นทางร่วมกันของเจ้าหน้าที่อเมริกันและยูเครน เพื่อให้ปธน.เซเลนสกี เดินทางมายังสหรัฐฯ ได้อย่างปลอดภัย เริ่มจากข้ามพรมแดนด้วยรถไฟเข้าไปในโปแลนด์เมื่อช่วงเช้าวันพุธ จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถยนต์ของสถานทูตสหรัฐฯ ไปยังสนามบินแห่งหนึ่งในเมืองรเซสโซวเพื่อมุ่งหน้าไปยังสนามบินของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ชานกรุงวอชิงตัน โดยมีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเครน บริดเจต บริงก์ ร่วมเดินทางไปด้วย
Your browser doesn’t support HTML5
'เซเลนสกี' เยือนสหรัฐฯ หวังสร้างจุดเปลี่ยนสงครามยูเครน
ทำเนียบขาวมิได้ประกาศการเยือนของผู้นำยูเครนครั้งนี้จนกระทั่งเวลาตี 1 คืนวันอังคารตามเวลาในกรุงวอชิงตัน เพราะต้องรอจนกระทั่งเซเลนสกีสามารถเดินทางออกจากยูเครนได้อย่างปลอดภัย และเมื่อมาถึงสนามบินในสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่อารักขาความปลอดภัยของผู้นำประเทศได้ตรงเข้าประกบผู้นำยูเครนทันที
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเดินทางออกจากยูเครน ปธน.เซเลนสกี ได้กล่าวข้อความบางอย่างที่ส่อเค้าถึงการเดินทางไกลไปอเมริกาครั้งนี้ หลังจากที่เขาได้รับธงชาติยูเครนผืนหนึ่งระหว่างเยือนเมืองบัคห์มูต ในเขตปกครองดอแนตสก์เมื่อวันอังคาร โดยผู้นำยูเครนรับปากว่าจะนำธงชาติที่ทหารแนวหน้าของยูเครนร่วมกันลงชื่อไว้ผืนนี้ "ส่งต่อให้รัฐสภาและประธานาธิบดีสหรัฐฯ"
Vice President Kamala Harris and House Speaker Nancy Pelosi of Calif., right, react as Ukrainian President Volodymyr Zelenskyy presents lawmakers with a Ukrainian flag autographed by front-line troops in Bakhmut, in Ukraine's contested Donetsk province, as he addresses a joint meeting of Congress on Capitol Hill in Washington, Wednesday, Dec. 21, 2022.
และเมื่อวันเสาร์ ต่อหน้าที่ประชุมของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ธงชาติยูเครนสีเหลืองและน้ำเงินผืนนั้นก็ถูกส่งให้กับรองประธานาธิบดีและประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ พร้อมคำกล่าวของปธน.เซเลนสกีว่า "พวกเขาขอให้ผมนำธงผืนนี้มาให้พวกท่าน ให้รัฐสภา ให้บรรดาส.ส. และ ส.ว.ผู้ลงมติสำคัญซึ่งช่วยรักษาชีวิตประชาชนหลายล้านคน"
และว่า "ขอให้ธงผืนนี้อยู่กับท่าน ทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย ธงนี้คือสัญลักษณ์แห่งชัยชนะในสงครามครั้งนี้"
- ที่มา: เอพี