ยูเครนประกาศในวันอาทิตย์ว่า สามารถยึดเมืองลีแมน (Lyman) และเมืองอื่น ๆ ทางภาคตะวันออกจากการยึดครองของทหารรัสเซียได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน อ้างว่าผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประกาศผ่านคลิปวิดีโอทางสื่อเทเลแกรมในวันอาทิตย์ว่า "ลีแมนปลอดจากรัสเซียแล้ว"
ทางรัสเซียยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับคำประกาศของยูเครน แต่เมื่อวันเสาร์ ทางการรัสเซียรายงานว่า ทหารของตนได้ถอยร่นจากพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากเกรงว่าจะถูกทหารยูเครนล้อมเอาไว้
ทั้งนี้ รัสเซียยึดเมืองลีแมนไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และใช้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและกักเก็บเสบียงสำหรับปฏิบัติการทางทหารในเขตปกครองดอแนตสก์
การสูญเสียเมืองลีแมนถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซียในสงครามที่ยูเครน หลังจากที่กองกำลังยูเครนเริ่มยึดคืนพื้นที่ในเขตปกครองคาร์คิฟเมื่อเดือนที่แล้ว และกดดันทหารรัสเซียให้ถอยร่นประชิดชายแดน
เดวิด เพเทรอัส อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ ซีไอเอ กล่าวต่อรายการ “This Week” ของสถานีเอบีซีว่า ปูตินจะยังคงพ่ายแพ้ในสมรภูมิต่าง ๆ แต่คำถามสำคัญคือ กองทัพรัสเซียจะยอมยกธงขาวเมื่อไร และว่า แม้ปูตินขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ต่อยูเครนก็ไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางของสงครามครั้งนี้ได้
ภาพถ่ายและวิดีโอที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นทหารยูเครนชานเมืองลีแมนโบกธงชาติสีเหลืองและฟ้า พลางร้องเพลงว่า "ลีแมนจะเป็นของยูเครน"
เซอร์ฮีย์ ฮายดาย ผู้ว่าการเขตปกครองลูฮันสก์ซึ่งอยู่ติดกับดอแนตสก์ กล่าวว่า การยึดเมืองลีแมนคืนจากรัสเซียจะช่วยให้ยูเครนสามารถยึดพื้นที่ต่าง ๆ ที่สูญเสียไปกลับตืนจากรัสเซียได้มากขึ้น รวมทั้งเขตปกครองลูฮันสก์ที่รัสเซียอ้างการผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียแล้วด้วย
เมื่อวันศุกร์ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศการผนวกพื้นที่ใน 4 เขตปกครองของยูเครนเข้ากับ
รัสเซีย โดยระบุว่า “ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองลูอันสก์ ดอแนตสก์ เคอร์ซอน และซาปอริห์เชีย กำลังจะกลายมาเป็นเพื่อนร่วมชาติของเราตลอดไปแล้ว”
นอกจากนั้น ปธน.ปูติน ยังเอ่ยปากด้วยว่า ตนพร้อมจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้อง “บูรณภาพแห่งดินแดน” ของรัสเซียด้วย
ก่อนหน้านี้ รัสเซียอ้างว่า ผลการทำประชามติในพื้นที่ 4 จุดของยูเครนซึ่งกองกำลังรัสเซียยึดครองไว้อยู่ แสดงให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับรัสเซีย โดยขนาดของพื้นที่ทั้งหมดนี้คิดเป็นเกือบ 1 ใน 5 ของพื้นที่รวมของยูเครน
แต่ยูเครนระบุว่า การทำประชามตินี้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและดำเนินการภายใต้การบังคับยึดครอง
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์