เจ้าหน้าที่คาซัคสถานเปิดเผยว่า ชาวรัสเซียราว 98,000 คนข้ามพรมแดนเข้าไปในคาซัคสถานในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย นับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศเคลื่อนกำลังพลสำรองหลายแสนคนเข้าไปสมทบในยูเครน
เวลานี้ดูเหมือนคาซัคสถานและจอร์เจีย ซึ่งเคยเป็นสมาชิกสหภาพโซเวียต กำลังกลายเป็นจุดหมายที่บรรดาชายชาวรัสเซียที่ไม่ต้องการเกณฑ์ทหาร ต่างพากันเดินทางข้ามพรมแดนเข้าไปทั้งด้วยรถยนต์ เครื่องบิน จักรยานและจักรยานยนต์ หรือแม้แต่เดินเท้าข้ามชายแดน
นอกจากนี้ ชาวรัสเซียจำนวนไม่น้อยยังเดินทางเข้าไปในฟินแลนด์หรือนอร์เวย์ ทำให้ตั๋วเครื่องบินไปประเทศเหล่านั้นขายหมดเกลี้ยงแม้ว่าจะมีราคาแพงมาก
กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า จะเรียกกำลังสมทบจำนวน 300,000 คนเฉพาะผู้ชายที่มีประสบการณ์ในการรบ หรือเคยทำงานให้กับกองทัพเท่านั้น และยังจำกัดอายุไม่เกิน 35 ปี แต่สื่อในรัสเซียต่างรายงานว่า มีการนำตัวผู้ชายที่นอกเหนือจากที่ระบุไว้นั้นไปเข้าร่วมในกำลังพลสำรองด้วย
กระแสการหวาดกลัวว่าจะถูกเกณฑ์ไปทำสงคราม ทำให้ผู้ชายรัสเซียจำนวนมากในทุกช่วงอายุตัดสินใจทิ้งบ้านเกิดเพื่อข้ามพรมแดนไปยังประเทศอื่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในคาซัคสถาน มารัต อัคห์เมตซานอฟ กล่าวว่า ทางการคาซัคสถานจะไม่ส่งตัวชาวรัสเซียเหล่านั้นกลับประเทศ นอกจากว่าพวกเขาจะมีรายชื่ออยู่ในบัญชีอาชญากรซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของรัฐบาลต่างชาติ
ด้านประธานาธิบดีคาซัคสถาน คาสซิม-โจมาร์ต โทคาเยฟ มีคำสั่งให้รัฐบาลของเขาช่วยเหลือชาวรัสเซียที่หลบหนีออกนอกประเทศอย่างเต็มที่ "เนื่องจากสถานการณ์ที่สิ้นหวังในรัสเซีย"
ประธานาธิบดีโทคาเยฟ กล่าวว่า "เราต้องดูแลและให้ความปลอดภัยแก่พวกเขา นี่เป็นประเด็นทางการเมืองและมนุษยธรรม ซึ่งได้มีการสั่งการให้รัฐบาลใช้มาตรการที่จำเป็นเร่งด่วนแล้ว" และว่า คาซัคสถานจะหารือกับรัสเซียเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว
- ที่มา: เอพี