ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศในวันจันทร์ว่า ไม่มีโอกาสที่การเจรจาสันติภาพกับกลุ่มทาลีบานจะฟื้นกลับมาได้ หลังจากที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้นำสหรัฐได้ประกาศยกเลิกกำหนดการหารือกับผู้นำกลุ่มทาลีบาน ซึ่งเดิมกำหนดจะมีขึ้นที่แคมป์เดวิด สถานที่พักผ่อนของประธานาธิบดีสหรัฐใกล้กรุงวอชิงตัน
แผนการเจรจาดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ระเบิดฆ่าตัวตายในกรุงกคาบุลของอัฟกานิสถาน เมื่อวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 12 คน และหนึ่งคนในจำนวนนี้เป็นทหารสหรัฐ
ขณะนี้กำลังมีเสียงโจมตีจากทั้งสมาชิกฝ่ายพรรคเดโมแครตและพรรครีพับริกันว่า แนวคิดเรื่องการเชิญผู้นำกลุ่มทาลีบานมาหารือที่แคมป์เดวิดในสหรัฐ ในสัปดาห์เดียวกับโอกาสครบรอบเหตุการณ์โจมตีในสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 นั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
และมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐหลายคน เช่น รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ มีความเห็นคัดค้านเรื่องนี้
แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธว่าไม่มีความเห็นคัดค้านดังกล่าว และยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของตนแต่เพียงผู้เดียว ทั้งยังกล่าวด้วยว่า กลุ่มทาลีบานกำลังยอมรับว่าได้สร้างความผิดพลาดครั้งใหญ่ขึ้นด้วยการก่อการร้ายโดยใช้มือระเบิดฆ่าตัวตายในกรุงคุลสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศยกเลิกกำหนดการหารือกับกลุ่มทาลีบานเมื่อสุดสัปดาห์
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ย้ำด้วยว่า กองกำลังของสหรัฐได้โหมโจมตีกลุ่มทาลีบานหนักมือขึ้นในช่วงสี่วันที่ผ่านมา มากกว่าที่ได้เคยปฏิบัติในช่วง 10 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มทาลีบานได้เตือนเช่นกันว่า กำลังทหารสหรัฐในอัฟกานิสถานจะเป็นฝ่ายที่ได้รับความเสียหายมากกว่ากลุ่มอื่นใด จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยกเลิกกำหนดการหารือเรื่องสันติภาพในอัฟกานิสถาน
สหรัฐเริ่มส่งกำลังทหารเข้าไปในอัฟกานิสถานเมื่อ 18 ปีที่แล้ว หลังเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายโจมตีในสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 เพื่อมุ่งกวาดล้างแหล่งซุ่มซ่อนของกลุ่มอัลไคยด้า ซึ่งได้รับการปกป้องคุ้มครองจากกองกำลังทาลีบาน
สงครามในอัฟกานิสถานนับเป็นสงครามนอกประเทศที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐ โดยการถอนทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานก็เป็นหนึ่งในนโยบายและคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีทรัมป์ ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งในปี 2016 ด้วย