เวลานี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเดินสายหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันอังคารหน้า คือวันที่ 6 พ.ย. เพื่อหาเสียงสนับสนุนให้กับบรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกัน
โดยล่าสุด ปธน.ทรัมป์ มีกำหนดเดินทางไปยัง 8 รัฐในช่วง 6 วันข้างหน้า ซึ่งล้วนเป็นรัฐที่เรียกว่า swing state หรือรัฐที่ทั้งสองพรรคมีโอกาสคว้าชัยชนะ และอาจเป็นรัฐที่ชี้ขาดผลการเลือกตั้งครั้งนี้
เริ่มตั้งแต่ รัฐฟลอริดา ซึ่งจุดที่น่าสนใจอยู่ที่การชิงที่นั่ง ส.ว. ระหว่างผู้ว่าการรัฐฟลอริดาคนปัจจุบัน ริค สก็อตต์ (Rick Scott) จากพรรครีพับลิกัน กับเจ้าของที่นั่งเดิม คือ ส.ว.บิลล์ เนลสัน (Bill Nelson) จากพรรคเดโแมครต ซึ่งผลสำรวจล่าสุดชี้ว่า ส.ว.เนลสัน มีคะแนนนำอยู่เล็กน้อย
ต่อจากนั้น ปธน.ทรัมป์ จะเดินทางไป รัฐมอนทาน่า ในช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อหาทางให้ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน แมทท์ โรเซนเดล (Matt Rosendale) คว้าชัยในตำแหน่งวุฒิสมาชิก เหนือ ส.ว.จอน เทสเตอร์ (Jon Tester) จากเดโมแครต
รัฐที่ 3 คือ รัฐอินเดียน่า ซึ่งผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คือ ไมค์ บรอน (Mike Braun) กำลังท้าทายตำแหน่งของ ส.ว.พรรคเดโมแครต โจ ดอนเนลลี (Joe Donnelly)
จากนั้น ผู้นำสหรัฐฯ จะไปหาเสียงต่อที่ รัฐมิสซูรี ที่ซึ่งผู้สมัครของรีพับลิกัน จอช ฮาวลีย์ (Josh Hawley) กำลังมีคะแนนนำเจ้าของตำแหน่งเดิม คือ ส.ว.แคลร์ แม็คแคสกิลล์ (Claire McCaskill) ของเดโมแครต
และ รัฐเวสต์ เวอร์จิเนีย ที่ผลโพลล์ชี้ว่า ส.ว.โจ แมนชิน (Joe Manchin) มีคะแนนนำคู่แข่ง คือ แพทริค มอร์ริซีย์ (Patrick Morrisey) ของรีพับลิกันเล็กน้อย
ตบท้ายด้วย รัฐโอไฮโอ รัฐเทนเนสซี และ รัฐจอร์เจีย ที่คะแนนล้วนกำลังสูสีคู่คี่ระหว่างทั้งสองพรรค
นักวิเคราะห์การเมืองหลายคน คาดการณ์ว่า หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครีพับลิกันซึ่งเวลานี้มีที่นั่งนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา อยู่ 51 - 49 เสียง จะสามารถครองวุฒิสภาได้ต่อไป โดยอาจได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นอีก 2 ที่นั่ง
แต่พรรคเดโมแครต ได้รับคาดหมายว่าจะกลับมายึดที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ โดยคาดว่าจะได้เพิ่มอีก 23 ที่นั่งในสภาล่าง ซึ่งนั่นจะทำให้ช่วงสองปีสุดท้ายในการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์ ประสบความยากลำบากมากขึ้นในการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ รวมทั้งการสืบสวนกรณ๊การแทกแซงของรัสเซียในการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อปี ค.ศ. 2016 ก็จะมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น