ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่าเขาพร้อมประชุมสุดยอดกับคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนืออีกครั้ง แม้ว่าทางเกาหลีเหนือไม่ได้ส่งสัญญานว่าต้องการฟื้นการเจรจาอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ อีกครั้งก็ตาม
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เกรย์ เมื่อวันอังคาร (7 ก.ค.) ว่า เขาเข้าใจดีว่าทางเกาหลีเหนือต้องการให้มีการประชุมอีกครั้ง และการประชุม “อาจจะ” เป็นประโยชน์เนื่องจากตัวเขาเองมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับผู้นำคิม
อย่างไรก็ตาม ควอน จอง กุน เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ระบุกับสำนักข่าวของรัฐบาลเกาหลีเหนือเมื่อวันอังคารว่า เกาหลีเหนือไม่ต้องการนั่งพูดคุยกับทางสหรัฐฯ อีกครั้ง เช่นเดียวกับ โช ซอน ฮุย นักการทูตเกาหลีเหนือ ที่กล่าวเมื่อวันเสาร์ (4 ก.ค.) ว่า การเจรจาจะไม่มีประโยชน์อะไร เนื่องจากทางสหรัฐฯ เห็นการเจรจาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีมูน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า เขาต้องการเห็นผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือประชุมร่วมกันอีกครั้ง ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน
การประชุมสุดยอดสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ อาจเป็นหนึ่งในประเด็นที่ สตีเฟน บีกัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ หยิบยกขึ้นมาหารือระหว่างการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีใต้เรื่องการขับเคลื่อนการเจรจาอาวุธนิวเคลียร์ในวันพุธ (8 ก.ค.) ที่กรุงโซล แม้ว่านายบีกันจะเคยกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า การพบกันของสองผู้นำก่อนการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ อาจเป็นไปได้ยาก เพราะสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19
นักวิเคราะห์มองว่า ทรัมป์อาจมีความจำเป็นอื่นที่ต้องทำมากกว่าเรื่องเกาหลีเหนือ ในช่วงที่เขามีเวลาเหลือแค่ 4 เดือนก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งโพลหลายสำนักระบุว่าเขายังมีคะแนนตามหลังโจ ไบเดน ตัวแทนลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต และประเด็นเรื่องเกาหลีเหนือก็ไม่ใช่ประเด็นหลักในความคิดของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม หากทรัมป์สามารถเปิดโต๊ะเจรจากับเกาหลีเหนือได้อีกครั้ง ก็อาจช่วยเน้นย้ำถึงความสำเร็จหลักด้านนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลทรัมป์ได้
ทั้งนี้ ทรัมป์และคิมพบกันครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 ที่สิงคโปร์ โดยได้ลงนามรับรองว่าจะทำงานร่วมกันเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีอย่างสมบูรณ์ ซึ่งแม้เอกสารดังกล่าวจะมีสาระสำคัญน้อยกว่าข้อตกลงสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ ฉบับก่อน ๆ แต่นักวิเคราะห์ก็มองว่า การพบกันของทั้งสองจะช่วยเปิดทางให้การเจรจาในภายหลังราบรื่นขึ้น
ผู้นำทั้งสองพบปะกันอีกครั้งในการประชุมสุดยอดที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 แต่ครั้งนี้กลับจบลงอย่างกะทันหัน เนื่องจากทั้งสองตกลงไม่ได้ว่าจะผ่อนคลายมาตรการลงโทษควบคู่ไปกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือได้อย่างไร
ต่อมาในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ทั้งสองพบกันเป็นเวลาสั้น ๆ ที่เขตปลอดทหารบริเวณพรมแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ และในเดือนตุลาคม สหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ ก็พบปะกัน แต่ผลเจรจาล้มเหลว โดยทางเกาหลีเหนือได้หยุดเจรจากับสหรัฐฯ นับแต่นั้นเป็นต้นมา
เกาหลีเหนือไม่พอใจที่สหรัฐฯ ไม่ผ่อนปรนมาตรการลงโทษและไม่ยอมรับรองความมั่นคงให้ในกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ในขณะที่ทางรัฐบาลทรัมป์ต้องการให้ทางเกาหลีเหนือตกลงว่าจะยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดก่อนเป็นอันดับแรก
โดยนับตั้งแต่ทรัมป์กับคิมเริ่มพบเจรจากันครั้งแรก เกาหลีเหนือหยุดการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกล แต่ยังคงเดินหน้าทดสอบขีปนาวุธพิสั้ยสั้นและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า เกาหลีเหนืออาจมีทรัพยากรเพียงพอที่จะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ถึง 40 ลูก