นายมูน เเจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวว่าตนหวังที่จะเห็นการประชุมสุดยอดอีกครั้งระหว่าง คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เเละ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันในเดือนพฤศจิกายนนี้
ฐานเสียงของนายมูน คือประชาชนที่ต้องการเห็นความสัมพันธ์ของสองเกาหลีดีขึ้น ทั้งนี้ แหล่งข่าวเกาหลีใต้กล่าวว่าทำเนียบขาวรับทราบเรื่องนี้ และเข้าใจจุดยืนของนายมูนดีและกำลัง “ดำเนินการอยู่"
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มิได้แสดงท่าทีใดๆ อย่างเป็นทางการ
จะมีก็แต่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สตีฟ บีกัน ที่เคยกล่าวว่าไปแล้วในสัปดาห์นี้ว่า คงเป็นการยาก ที่การประชุมสุดยอด ทรัมป์-คิม รอบใหม่จะเกิดขึ้นก่อนเดือนพฤศจิกายน
เขาให้เหตุผลว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการระบาดของโคโรนาไวรัส
แต่นายบีกัน ซึ่งเป็นผู้เจรจาหลักของสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ กล่าวว่าสหรัฐฯ ยังคงเปิดรับการมีส่วนเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ โดยเป้าหมายเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ยังคงเป็นเรื่องที่อเมริกาต้องการทำให้สำเร็จ
สื่อของเกาหลีใต้รายงานว่านายบีกันมีกำหนดเดินทางไปเกาหลีใต้ในเดือนนี้ด้วย
เป็นเวลาประมาณปีกว่าๆที่ ประธานธิบดีทรัมป์ ได้เจอกับนายคิม จอง อึน ในการพบกันที่มีการเตรียมการอย่างรีบเร่ง ณ เขตปลอดทหารระหว่างสองเกาหลี
แต่จากนั้นเกาหลีเหนือ ไม่เจรจาต่อ และทดสอบขีปนาวุธ รวมทั้งเเสดงการข่มขู่เกาหลีใต้ด้วย
ท่ามกลางความตึงเครียดนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างเขาเเละคิม จอง อึน
ผู้สันทัดกรณีชี้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้นำในการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่ง ในหลายองค์ประกอบที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จในการหารือ
นักวิเคราะห์กล่าวด้วยว่า เรื่องเกาหลีเหนือไม่น่าจะใช่เรื่องสำคัญที่สุดในงานต่างๆ ของประธานาธิบดีสหรัฐฯขณะนี้ เพราะกำลังจะมีการเลือกตั้งอีก 4 เดือนจากนี้
นอกจากนี้ ไม่มีความชัดเจนว่า เกาหลีเหนือต้องการให้เกิดการประชุมสุดยอดทรัมป์-คิม หรือไม่
เกาหลีเหนือยังคงไม่พอใจสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธที่จะผ่อนปรนมาตรการลงโทษและให้ความคุ้มครองด้านความมั่นคง
ในการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ ฝ่ายเปียงยางต้องการให้กระบวนการนี้เกิดขึ้นเป็นเเบบค่อยเป็นค่อยไป แต่รัฐบาลวอชิงตันอยากให้เกาหลีเหนือยอมล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์ทั้งหมดโดยสมบูรณ์
เมื่อเดือนที่เเล้วเกาหลีเหนือยกระดับความขัดเเย้งกับเกาหลีใต้ด้วยการโจมตีศูนย์อำนวยการสองเกาหลี ที่ทำหน้าที่เหมือนสถานทูต บริเวณชายเเดนของทั้งสองประเทศ ถือได้ว่าเป็นการตัดช่องทางหารือกันกับรัฐบาลกรุงโซล
ดังนั้น หากพิจารณาถึงปัจจัยเเวดล้อม ความพยายามให้เกิดการประชุมสุดยอดทรัมป์-คิม อีกครั้งจึงมีอุปสรรคหลายด่านที่ขวางกั้น เจตจำนงค์ของนาย มูน เเจ-อินอยู่