ทีมทนายความของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวบรัดกระบวนการแก้ต่างในวุฒิสภาสหรัฐฯ เพื่อปกป้องประธานาธิบดีทรัมป์จากข้อกล่าวหาจากพรรคเดโมแครตว่าผู้นำสหรัฐฯ ใช้อำนาจในทางที่ผิด และขัดขวางกระบวนการตรวจสอบของรัฐสภา เร็วกว่าคาด
ทีมทนายความของผู้นำสหรัฐฯ ต่างยืนยันว่าไม่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ของประธานาธิบดีทรัมป์ และนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เมื่อ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวมทั้งยังพยายามบอกปัดการกล่าวอ้างของนายจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลทรัมป์ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อปีก่อน ซึ่งถูกมองว่าจะเป็นกุญแจสำคัญในกระบวนการถอดถอนทรัมป์ในครั้งนี้
สัปดาห์ที่แล้ว คณะผู้ดำเนินการของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอถอดถอนประธานาธิบดี หรือ Impeachment Managers ซึ่งทำหน้าที่คล้ายอัยการในการยื่นขอถอดถอนผู้นำสหรัฐฯ ทั้ง 7 คนจากพรรคเดโมแครต ได้ผลัดกันขึ้นกล่าวถึงการกระทำความผิดของทรัมป์ที่ส่งผลร้ายต่อความมั่นคงของประเทศ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง
โดยพยายามชี้ให้เห็นว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการหาตัวช่วยจากต่างประเทศเพื่อทำให้ตนชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง ด้วยการชะลอเงินช่วยเหลือจำนวน 391 ล้านดอลลาร์ที่รัฐสภาอนุมัติให้กับยูเครน เพื่อแลกกับการสืบสวนกรณีนายไบเด้นและบุตรชาย ฮันเตอร์ ไบเด้น ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดคำปฏิญาณที่ให้ไว้ตอนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
ทั้งนี้ กระบวนการพิจารณาถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ในวุฒิสภาสหรัฐฯ จะดำเนินต่อไปจนถึงสัปดาห์นี้ โดยจะต้องใช้เสียงสนับสนุนราว 2 ใน 3 จากวุฒิสภา เพื่อถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
ที่ผ่านมา ทางฝั่งเดโมแครตพยายามผลักดันให้มีการเบิกพยาน ซึ่งรวมถึงนายโบลตันมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ในกระบวนการพิจารณาของทางวุฒิสภา แต่วุฒิสมาชิก มิตช์ เเม็คคอนเนลล์ และสมาชิกพรรครีพับลิกัน ออกมาคัดค้านแผนการดังกล่าว โดยมองว่าจะทำให้กระบวนการพิจารณายืดเยื้อ ตามที่เคยเเสดงท่าที่อย่างเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ต้องการให้กระบวนการพิจารณาข้อกล่าวหาขอถอดถอนทรัมป์เป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่าผู้นำสหรัฐฯไม่มีความผิด และต้องการให้กระบวนการนี้เสร็จสิ้น ก่อนที่ผู้นำสหรัฐฯ จะขึ้นกล่าวปราศรัยแถลงแสดงนโยบายประจำปีของสหรัฐฯ หรือ State of the Union ในวันอังคารหน้า