Your browser doesn’t support HTML5
โฆษกทำเนียบขาวแถลงวันนี้ว่า เป็นเรื่องที่น่าตกใจและไม่อาจยอมรับได้ ที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นในรัฐแคลิฟอร์เนียมีคำสั่งยับยั้งการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งมีขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ที่ให้ยุติโครงการ DACA
โครงการดังกล่าวเป็นนโยบายของประธานาธิบดีโอบามา เพื่อช่วยปกป้อง ดรีมเมอร์ส (Dreamers) หรือเยาวชนผู้เป็นลูกหลานคนเข้าเมืองผิดกฎหมายในสหรัฐฯ เมื่อหลายปีที่แล้ว และไร้สถานะที่ถูกต้องทางกฎหมายในปัจจุบัน ไม่ให้ต้องถูกเนรเทศ
โดยโฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ประเด็นสำคัญในระดับนี้ควรต้องมีการพิจารณาผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ และว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ให้ความสำคัญกับหลักกฎหมาย โดยจะทำงานร่วมกับสมาชิกรัฐสภาของทั้งสองพรรค เพื่อให้มีทางออกอย่างถาวรสำหรับการแก้ไขนโยบายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของรัฐบาลชุดก่อน
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ก็ทวีตโจมตีคำสั่งยับยั้งของผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางในรัฐแคลิฟอร์เนีย ว่าเป็นเครื่องแสดงว่าระบบศาลของสหรัฐฯ นั้น ล้มเหลวและไม่ยุติธรรม
เมื่อวันอังคาร ผู้พิพากษา William Alsup ในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีคำสั่งยับยั้งตามคำร้องของกลุ่มบุคคลและสถาบันต่างๆ ที่ยื่นฟ้องการที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ พยายามจะยกเลิกโครงการ DACA ที่ช่วยปกป้องคนหนุ่มสาวไร้สถานะหรือ Dreamers เหล่านี้
โดยผู้พิพากษาของสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยว่า โครงการที่ให้ความคุ้มครอง Dreamers ควรดำเนินต่อไป จนกว่าข้อคัดค้านทางกฎหมายจะได้รับการตัดสิน
ขณะนี้เรื่องการยกเลิกโครงการ DACA กำลังเป็นที่สนใจและมีความสำคัญ เพราะถึงแม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะมีคำสั่งเมื่อเดือนกันยายนให้ยกเลิกก็ตาม แต่ก็ให้เวลารัฐสภาสหรัฐจนถึงวันที่ 5 มีนาคม เพื่อพิจารณาหาข้อยุติอย่างเป็นทางการ
และเมื่อวันอังคาร ระหว่างการประชุมร่วมกับผู้นำในรัฐสภาของทั้งสองพรรคที่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงท่าทีว่าตนพร้อมจะลงนามในร่างกฎหมายใดที่รัฐสภาส่งมาให้
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องโครงการ DACA นี้เข้ามาเกี่ยวโยงกับการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณสำหรับปีปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้รัฐสภายังไม่สามารถตกลงกันได้ และต้องออกเป็นกฎหมายชั่วคราวมาแล้วถึง 3 ครั้ง
โดยกฎหมายชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุลงในวันที่ 19 มกราคมนี้ เพราะพรรคเดโมแครตที่สนับสนุนเรื่องการคุ้มครองและให้สิทธิ์แก่กลุ่ม Dreamers ต้องการให้ทำความตกลงเรื่องนี้โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาเรื่องงบประมาณสำหรับปีปัจจุบัน
ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์เองก็ยืนกรานว่า ตนต้องการให้จัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างกำแพงตามแนวพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ตามคำสัญญาระหว่างการหาเสียง และการสร้างกำแพงนี้จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของความตกลงเรื่องโครงการ DACA เช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้จัดสรรงบประมาณ 18,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างกำแพงกั้นตามแนวพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตทุกคนไม่เห็นด้วย และมีสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนที่ร่วมคัดค้านเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของรัฐบาลสหรัฐฯ แสดงว่า นโยบายที่แข็งกร้าวและมุ่งต่อต้านคนเข้าเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์ ช่วยลดจำนวนคนเข้าเมืองผิดกฎหมายจากเม็กซิโกได้เป็นอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว