ทุกคดีถอย-เปิดทาง ‘ทรัมป์’ ขึ้นรับตำแหน่งปธน.สหรัฐฯ คนที่ 47

  • VOA

แฟ้มภาพ - อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และอัยการพิเศษแจ็ค สมิธ ที่กรุงวอชิงตัน เมื่อปี 2023

ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ต้องเตรียมตัวสู้คดีใด ๆ ในศาลรัฐบาลกลางอีกต่อไป ขณะเตรียมตัวเข้ารับตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาวคนที่ 47 ในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า

ตุลาการศาลเเขวงในกรุงวอชิงตัน ทันยา ชัตคาน มีคำตัดสินในวันจันทร์ให้ยกฟ้องคดีที่ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่า พยายามคว่ำผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 ที่ตนเป็นฝ่ายแพ้ โดยคำตัดสินของชัตคานมีออกมาหลังจากที่อัยการพิเศษ เเจ็ค สมิธ ยอมรับในเอกสารที่ยื่นต่อศาลว่า นโยบายของกระทรวงยุติธรรมที่มีมานานนั้นปิดทางไม่ให้มีการดำเนินคดีใด ๆ ต่อประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งอยู่

และในเอกสารอีกชุดที่ยื่นให้แก่ศาล สมิธได้ขอให้ศาลอุทธรณ์ในนครแอตแลนตาถอดทรัมป์ออกจากการเป็นจำเลยร่วมในคำร้องอุทธรณ์ให้ศาลพิจารณาคดีที่กล่าวหาว่าทรัมป์เก็บเอกสารชั้นความลับด้านความมั่นคงแห่งชาติไว้นับร้อยฉบับที่บ้านพักในรัฐฟลอริดาเมื่อหมดวาระผู้นำในปี 2021 หลังศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้องไปก่อนหน้า

อย่างไรก็ดี สมิธยืนยันว่า คำฟ้องทั้งหมดนี้ล้วนมีมูลทั้งสิ้น แม้ว่า จะต้องยอมถอนฟ้องก็ตาม

ขณะเดียวกัน ทรัมป์ประกาศผ่านโพสต์ทางแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) ว่า “คดีเหล่านี้ เหมือนกับคดีอื่น ๆ ที่ผมถูกบีบให้ต้องต่อสู้ ล้วนว่างเปล่าและไม่เคารพกฎหมาย และไม่ควรจะมีการรับมาพิจารณาด้วยซ้ำ”

ทรัมป์กล่าวด้วยว่า มีการเสียเงินภาษีของประชาชนไปกว่า 100 ล้านดอลลาร์ “จากการที่พรรคเดโมแครตเดินหน้าต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง .... ซึ่งก็คือ ผม” และว่า “นี่เป็นการปล้นจี้ทางการเมืองและจุดตกต่ำในประวัติศาสตร์ของประเทศของเราที่เรื่องนี้ยังเกิดขึ้นมาได้ ถึงกระนั้น ผมก็ยังบากบั่นพากเพียรต่อสู้กับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมดและชนะในที่สุด”

ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งก่อนหน้านี้ ทรัมป์ประกาศมั่นว่า ถ้าตนชนะและได้เป็นผู้นำทำเนียบขาวอีกสมัย จะทำการไล่ แจ็ค สมิธ “ภายใน 2 วินาที” ที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี แต่มีรายงานข่าวจากสื่อหลายแห่งของสหรัฐฯ ว่า สมิธมีแผนจะลาออกจากกระทรวงยุติธรรมก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว

ในกรณีคดีที่มีการยื่นฟ้องในกรุงวอชิงตัน ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่า กดดันเจ้าหน้าที่รัฐบาลให้แก้ไขผลการเลือกตั้งปี 2020 ที่ โจ ไบเดน เป็นฝ่ายได้ชัยและเอาชนะตนไปได้ และยังเผยแพร่คำโกหกว่า ไบเดนนั้นชนะได้เพราะมีการทุจริตเลือกตั้งขนานใหญ่และเกิดกรณีความไม่ชอบมาพากลในการจัดการเลือกตั้ง

รายงานข่าวระบุว่า อัยการได้ขอให้ตุลาการชัตคานยกฟ้อง “โดยไม่ตัดสิทธิที่จะฟ้องใหม่ในอนาคต” ซึ่งหมายความถึง การเปิดโอกาสให้มีการนำคดีนี้กลับมาปัดฝุ่นและยื่นฟ้องใหม่ หลังทรัมป์หมดวาระผู้นำรอบนี้ในปี 2029

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ทางกฎหมายบางรายเคยกล่าวไว้ว่า หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ก็อาจประกาศให้อภัยโทษตัวเองเพื่อปิดคดีความนี้ได้ แม้จะไม่เคยมีอดีตประธานาธิบดีคนใดเคยทำเช่นนั้นมาก่อนก็ตาม

ส่วนคดีที่ค้างอยู่ที่ศาลอุทธรณ์ในนครแอตแลนตานั้น สมิธได้ขอให้ศาลยกฟ้องทรัมป์ในฐานะจำเลยร่วมของคดีที่ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของตุลาการศาลแขวงไอลีน แคนนอน ซึ่งเป็นผู้ที่ทรัมป์แต่งตั้งและตัดสินยกฟ้องคดีซุกเอกสารชั้นความลับโดยให้เหตุผลว่า สมิธได้รับการแต่งตั้งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายให้ทำหน้าที่อัยการพิเศษ

SEE ALSO: ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ยกฟ้องทรัมป์ในคดีเอกสารลับ

เพราะที่ผ่านมานั้น ศาลสหรัฐฯ สนับสนุนการแต่งตั้งอัยการพิเศษของกระทรวงยุติธรรมมาตลอด คำตัดสินของตุลาการไอลีนจึงเป็นสิ่งที่ขัดกับธรรมเนียมปฏิบัติในเรื่องนี้ ด้วยการเห็นด้วยกับสิ่งที่ทนายความของทรัมป์อ้างในเรื่องสถานะของสมิธ

อย่างไรก็ดี จำเลยร่วมอีก 2 คนในคดีนี้ ซึ่งก็คือ คาร์ลอส เดอ โอลิเวียรา และ วอลทีน (วอลท์) ยังคงต้องถูกดำเนินคดีต่อไป ในข้อกล่าวหาว่า พยายามขัดขวางการทำงานของรัฐบาลในการเรียกคืนเอกสารที่กฎหมายระบุว่าต้องมีการส่งมอบคืนให้กับหอสมุดแห่งชาติ ขณะที่ ทรัมป์ก้าวลงจากตำแหน่งในเดือนมกราคมปี 2021

หลังสมิธยื่นเรื่องขอให้ศาลยกฟ้องคดีทั้งสองนี้ ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ ได้โพสต์ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า หากทรัมป์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ ก็อาจต้องใช้ชีวิตที่เหลือในเรือนจำ และว่า “นี่คือเวลาที่จะต้องทำให้มั่นใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่เกิดขึ้นในประเทศนี้อีกเป็นอันขาด”

  • ที่มา: วีโอเอ