Your browser doesn’t support HTML5
ในวันของการเลือกตั้งขั้นต้นแบบ primary สำหรับพรรคเดโมแครต ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตโจมตีนายไมเคิล บลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ผู้ประกาศลงแข่งเป็นตัวแทนพรรค ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่ชาวรัฐนิวแฮมป์เชียร์จะลงคะแนนเลือกได้ก็ตาม
โดยในทวีตดังกล่าวซึ่งถูกลบทิ้งไปในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ผู้นำสหรัฐกล่าวหานายไมเคิล บลูมเบิร์ก ว่าเป็นคนที่เหยียดเชื้อชาติและสีผิวอย่างรุนแรง โดยเชื่อมโยงคำกล่าวหานี้เข้ากับคำพูดเมื่อปี 2558 สมัยที่นายไมเคิล บลูมเบิร์ก ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ซึ่งสนับสนุนและปกป้องนโยบายที่ให้ตำรวจสามารถเข้าสกัดและตรวจค้นตัวคนหนุ่มสาวผิวสีได้
ในครั้งนั้น นายไมเคิล บลูมเบิร์ก ให้เหตุผลว่า คนกลุ่มนี้เป็นบ่อเกิดของอาชญากรรม แต่หลังจากที่นายบลูมเบิร์กประกาศการตัดสินใจเมื่อปีที่แล้วเพื่อร่วมแข่งเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต เขาได้กล่าวแสดงความเสียใจเกี่ยวกับนโยบายนี้ พร้อมทั้งยอมรับว่าตนได้ทำผิดไป
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะหยิบนโยบายของนายไมเคิล บลูมเบิร์ก ที่ดูเหมือนจะมีอคติและมุ่งเป้าต่อคนผิวสีในนครนิวยอร์กขึ้นมาโจมตีในขณะนี้ก็ตาม แต่ในช่วงปลายปี 2559 ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์สนับสนุนนโยบายเรื่องนี้ว่า ใช้ได้ผลดีและควรขยายผลออกไปทั่วประเทศด้วย
และนอกจากการหยิบนโยบายเดิมของนายบลูมเบิร์กขึ้นมาโจมตีแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้กล่าวเยาะเย้ยนายบลูมเบิร์กว่า "Mini Mike" หรือ "นายไมค์คนตัวเล็ก"
และถากถางว่าเป็นคนที่น่าเบื่อ รวมทั้งตำหนิว่าเป็นผู้ที่ไร้ฝีมือเรื่องกีฬากอล์ฟด้วย
แต่นายปีเตอร์ เวเนอร์ อดีตผู้ร่างคำปราศรัยของประธานาธิบดีจอร์จ ดับบลิว บุช ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อใดหรือกับใครก็ตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์เห็นว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อตน ผู้นำสหรัฐคนนี้จะไม่ยอมลดละการโจมตีโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมด้านศีลธรรม และส่วนใหญ่ความพยายามโจมตีเพื่อทำลายภาพพจน์ที่ว่านี้ก็มักจะได้ผลด้วย
ขณะนี้มีบุคคลวงในที่ใกล้ชิดยอมรับว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีความรู้สึกไม่มั่นคงและเชื่อว่านายไมเคิล บลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก หนึ่งในผู้สมัครเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต จะเป็นภัยคุกคามต่อโอกาสการได้รับเลือกตั้งสมัยที่สองของตน
เหตุผลส่วนหนึ่งนั้นคือ หลังจากที่ประกาศตนว่าจะลงแข่งเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว นายบลูมเบิร์กได้ใช้เงินกว่า 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อทำชิ้นโฆษณาโจมตีประธานาธิบดีทรัมป์โดยตรง
นอกจากนั้น นายบลูมเบิร์กยังประกาศด้วยว่า ไม่ว่าจะได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคหรือไม่ก็ตาม ตนก็พร้อมจะให้เงินสนับสนุน 2 พันดอลลาร์เพื่อช่วยให้ผู้สมัครของพรรคเดโมแครตรายอื่นเอาชนะประธานาธิบดีทรัมป์ให้ได้
นายไมเคิล บลูมเบิร์ก ผู้นี้เคยเป็นสมาชิกของพรรครีพับลิกันมาก่อน และมีฐานะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีหลายพันล้านดอลลาร์ โดยเป็นทั้งเจ้าของธุรกิจ Bloomberg Financial News Service และเคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กด้วย
นิตยสาร Forbes ประมาณว่า ขณะนี้นายไมเคิล บลูมเบิร์ก มีทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับยอดทรัพย์สินไม่ถึง 4 พันล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีทรัมป์
และถึงจะยังไม่เคยเข้าร่วมเวทีการอภิปรายโต้คารมกับผู้สมัครคนอื่นของพรรคเดโมแครตก็ตาม ขณะนี้นายบลูมเบิร์กก็ได้คะแนนนิยมจากชาวพรรคเดโมแครตอยู่ที่ระดับ 15%
และผลการสำรวจของ Quinnipiac Poll ในสัปดาห์นี้ก็บ่งชี้ว่า ในการเลือกตั้งทั่วไป หากทางเลือกสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดี คือ ประธานาธิบดีทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน และนายไมเคิล บลูมเบิร์ก ของพรรคเดโมแครตแล้ว นายบลูมเบิร์กจะเป็นฝ่ายมีชัยประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยคะแนนถึง 9%