มหาเศรษฐีอเมริกัน ไมเคิล บลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ประกาศลงแข่งขันเลือกตั้งเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปลายปีหน้า
สื่อ NBC รายงานโดยอ้างข้อมูลของ Advertising Analytics ว่า ไมเคิล บลูกเบิร์กเตรียมจ่ายค่าโฆษณาโทรทัศน์กว่า 30 ล้านดอลลาร์ ที่จะใช้เพียงในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อประชาสัมพันธ์ขั้นต้น เรื่องการลงเลือกตั้งของตน ซึ่งถือเป็นงบโฆษณาสูงสุดสำหรับการประชาสัมพันธ์ทางการเมือง
โฆษณาของนายบลูมเบิร์ก วัย 77 ปี เน้นยำ้ถึง ภารกิจ "สร้างประเทศให้เเข็งเเกร่งอีกครั้ง และฟื้นฟูความฝันที่ให้ความหมายต่อความเป็นคนอเมริกัน" และกล่าวถึงการขึ้นภาษีคนรวย การให้คนชั้นกลางมีส่วนได้ส่วนเสียที่ยุติธรรม และ การช่วยให้คนที่ไม่มีประกันสุขภาพ มีโอกาสได้รับการคุ้มครอง ส่วนคนที่มีของตนอยู่แล้วสามารถใช้บริการเดิมได้
ผู้ที่ทำงานให้กับเขากล่าวว่า นายบลูมเบิร์กซึ่งเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของสำนักข่าวและบริษัทข้อมูลการเงิน Bloomberg มีความกังวลอย่างยิ่งต่อบรรดาผู้สมัครของพรรคเดโมแครตในขณะนี้ ซึ่งดูแล้วไม่มีใครที่พอจะสามารถเอาชนะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนปีหน้าได้
ไมเคิล บลูมเบิร์ก เคยเป็นนักการเมืองสังกัดพรรครีพับลิกันที่เปลี่ยนใจไปสนับสนุนนางฮิลลารี คลินตัน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี ค.ศ. 2016 เขาเคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กระหว่างปี ค.ศ. 2002 - 2013 และมีความสนิทสนมกับ โดนัลด์ ทรัมป์
ในการเเข่งขันกับนักการเมืองเดโมเเครตรายอื่นเพื่อให้เป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งประธานาธิบดีปีหน้า เขาถูกคาดหมายว่าจะวางตัวเป็นผู้สมัครแนวทางสายกลางเช่นเดียวกับ โจ ไบเด้น ในขณะที่ตัวเก็งอีกสักคนคือ เบอร์นีย์ แซนเดอร์ส และ เอลิซาเบ็ธ วอร์เรน จะมีแนวคิดเอียงไปทางเสรีนิยมมากกว่า
นิตยสาร Forbes รายงานเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ว่า ไมเคิล บลูมเบิร์ก มีความมั่งคั่งระดับ 5 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์ มากกว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 73 ปี ที่รวยระดับ 3 พัน 1 ร้อยล้านดอลลาร์ ถึง 17 เท่า
ในแถลงการณ์ ไมเคิล บลูมเบิร์ก กล่าวว่า "ผมลงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ และสร้างอเมริกาให้กลับมาเเข็งแกร่งอีกครั้ง เราไม่สามารถยอมรับการอยู่ต่ออีก 4 ปี ของการกระทำที่มุทะลุและไร้ความถูกต้อง.... หาก (ทรัมป์) ชนะเลือกตั้งอีกสมัยหนึ่ง เราอาจไม่สามารถฟื้นกลับมาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นได้"