รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคณะหาเสียงของนายโจ ไบเดน โต้เถียงกันในวันอาทิตย์เกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมาถึงในอีก 8 สัปดาห์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นายสตีเฟน มนูชิน กล่าวต่อรายการ “Fox News Sunday” โดยอ้างตัวเลขอัตราการว่างงานที่ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.4% ในเดือนสิงหาคม และการจ้างงานเพิ่มขึ้น 1 ล้าน 4 แสนตำแหน่ง ว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวจากช่วงที่เลวร้ายที่สุดเพระการระบาดของโควิด-19 แล้ว
รัฐมนตรีมนูชิน กล่าวว่า สหรัฐฯ จะมีตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงเป็นปรากฎการณ์ในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้ แต่ก็ย้ำว่า เศรษฐกิจอเมริกันจำเป็นต้องมีการจ้างงานเพิ่มอีกอย่างน้อย 7.5 ล้านตำแหน่งเพื่อชดเชยส่วนที่หายไปตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งขณะนั้นสหรัฐฯ มีอัตราการว่างงานเพียง 3.5% ต่ำที่สุดในรอบ 50 ปี
ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ในสหรัฐฯ เมื่อต้นปีนี้ มีคนอเมริกันมากกว่า 50 ล้านคนที่ติดต่อขอรับสวัสดิการชดเชยการว่างงานในช่วงใดช่วงหนึ่งของปี ขณะเดียวกันมีเจ้าของกิจการที่ต้องออกจากธุรกิจไปเป็นจำนวนมาก
ทางด้านวุฒิสมาชิก คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ผู้ลงสมัครร่วมกับนายไบเดนในตำแหน่งรองประธานาธิบดี กล่าวต่อสถานีข่าว CNN ในวันอาทิตย์เช่นกันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ประสบความล้มเหลวและไม่มีความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศในช่วงที่เกิดการระบาด
ส.ว.แฮร์ริส ระบุว่า รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ใช้มาตรวัดทางเศรษฐกิจโดยอ้างอิงจากสถานะความเป็นอยู่ของคนร่ำรวยเท่านั้น แต่เพิกเฉยต่อคนชั้นกลางและคนรายได้ต่ำ
ขณะนี้ รัฐสภาสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ที่จะให้แก่คนอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยรัฐมนตรีมนูชินกล่าวว่าจะพยายามผลักดันให้มีการอนุมัติความช่วยเหลือดังกล่าวในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามต่อไป แม้ว่าทั้งสองพรรคยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่มากเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือชุดใหม่นี้