ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Federal Reserve System) ประกาศปรับเปลี่ยนเป้าหมายเงินเฟ้อให้สูงขึ้นพร้อมเน้นการส่งเสริมการจ้างงาน เพื่อหวังฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของประเทศอย่างเข้มแข็ง
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า “เฟด” ออกแถลงการณ์ในวันพฤหัสบดีที่ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตั้งเป้าที่จะกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศให้อยู่ที่ค่าเฉลี่ยร้อยละ 2 จากนี้ไป ซึ่งหมายถึงการชดเชยอัตราเงินเฟ้อติดลบกว่าร้อยละ 2 ด้วยอัตราเงินเฟ้อในระดับสูงช่วงระยะเวลาหนึ่งในอนาคตอันใกล้นี้
นอกจากประเด็นอัตราเงินเฟ้อแล้ว “เฟด” ยังประกาศมั่นว่าจะมุ่งช่วยให้สถานการณ์การจ้างงานในประเทศไม่พลาดไปจากเป้าหมายการอัตราว่าจ้างระดับสูงสุด ที่ไม่เลือกและแบ่งแยกเชื้อชาติ เพื่อช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังกล่าวว่า ในเวลานี้ ความเสี่ยงของการว่าจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อในประเทศที่จะหดลงนั้นเริ่มปรับขึ้นแล้ว และ “เฟด” พร้อมที่จะใช้เครื่องมือทุกชิ้นของตนในการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างเสถียรภาพให้แก่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไป รวมทั้งการสร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดแรงงาน
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ระบุในแถลงการณ์ว่า การที่จะทำให้ตลาดแรงงานมีความเข้มแข็งได้ ต้องพึ่งพานโยบายหลากหลาย รวมทั้งการดำเนินนโยบายด้านการเงินที่เกื้อหนุนด้วย
รายงานข่าวยังชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินนโยบายการเงินของ “เฟด” ในครั้งนี้ อาจหมายถึง การรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำให้นานกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า แม้จะไม่มีการอธิบายออกมาอย่างชัดเจนก็ตาม
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ประสบภาวะวิกฤติรุนแรงหนักมานับเดือน เพราะการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ประชาชนหลายสิบล้านคนต้องตกงาน และคำประกาศของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นสัญญาณการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงด้านพื้นฐานของเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ก่อนเกิดภาวะระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ รวมทั้งเป็นการชี้ให้เห็นถึงทิศทางการทำงานของ “เฟด” จากนี้ ที่อัตราการการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและอ่อนตัวจะยังคงอยู่ต่อไปอีกนาน