ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงยืนกรานปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แม้ว่าสื่อหลักต่าง ๆ ยืนยันผลการเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะหลังจากที่ได้คะแนนเสียงจากผู้แทนการเลือกตั้งมากกว่า 270 เสียง
ปธน.ทรัมป์ ระดมทวีตข้อความต่อเนื่องในวันอาทิตย์ โดยข้อความหนึ่งระบุว่า "ไบเดนชนะการเลือกตั้งเพราะมีการทุจริตเกิดขึ้น" และยังกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานรองรับว่า ผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูการนับคะแนน และบริษัทที่เป็นผู้รวบรวมผลการเลือกตั้งก็เป็นบริษัทที่มีแนวคิดซ้ายสุดโต่งและมีอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ได้ ยังไม่รวมถึงการรายงานข่าวของสื่อปลอมต่าง ๆ และอีกมากมาย
ต่อมา สื่อสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์ได้เตือนว่า คำกล่าวหาของผู้นำสหรัฐฯ ว่ามีการทุจริตเลือกตั้งนั้นได้ถูกแย้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า นายไบเดนได้รับชัยชนะ นับตั้งแต่การเลือกตั้งจบลงเมื่อเกือบสองสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทาง ปธน.ทรัมป์ ได้ชี้แจงต่อมาว่า ตนมองว่านายไบเดน "ชนะในสายตาของสื่อปลอมเท่านั้น และตนไม่ได้ยอมแพ้แต่อย่างใด" รวมทั้งบอกด้วยว่า "หนทางยังอีกยาวไกล ในการเลือกตั้งที่ทุจริตครั้งนี้"
ตั้งแต่หลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3 พฤศจิกายน ทีมงานของปธน.ทรัมป์และเเนวร่วม ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลในหลายรัฐ ซึ่งคดีเกือบทั้งหมดถูกศาลปฏิเสธการเดินเรื่อง หรือไม่ก็ถูกสั่งให้มีการเเสดงหลักฐานที่แน่นหนา
และแม้กฎหมายสหรัฐฯ มิได้กำหนดไว้ว่าประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งจำเป็นต้องยอมรับความพ่ายแพ้ แต่การที่ทรัมป์ยืนกรานปฏิเสธเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันเช่นกัน
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์เดินขบวนในกรุงวอชิงตันในวันเสาร์ เพื่อแสดงจุดยืนร่วมกับผู้นำสหรัฐฯ ในการกล่าวหาว่ามีการทุจริตเลือกตั้งแม้ไม่มีหลักฐานยืนยัน
โดยกลุ่มที่เข้าร่วมในการเดินขบวนครั้งนี้ รวมถึงกลุ่ม Million MAGA March, กลุ่ม Women for Trump และกลุ่ม Stop the Steal ล้วนต่อต้านผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน