สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชัยชนะในรัฐแอริโซนาของ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ทำให้ระยะห่างของคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) ของเขาทิ้งห่างคะแนนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มากขึ้น ซึ่งแปลว่าความหวังพลิกผลคะแนนคณะผู้เลือกตั้งผ่านการฟ้องศาลของผู้นำสหรัฐฯ ก็เลือนลางลงเช่นกัน
สำนักวิจัย Edison Research ระบุว่า หลังการนับคะแนนที่รัฐแอริโซนาสิ้นสุดลงเมื่อวันพฤหัสบดี คาดว่าไบเดนจะชนะการเลือกตั้งในรัฐนี้ และจะได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้งมา 11 คะแนน ทำให้ไบเดนเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตคนที่สองในรอบ 70 ปีที่ชนะการเลือกตั้งในรัฐที่เป็นฐานเสียงของพรรคริพับลิกันรัฐนี้
ผลการเลือกตั้งในรัฐแอริโซนา ทำให้ไบเดนจะได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 290 คะแนน ซึ่งผ่านเส้นคะแนนขั้นต่ำ 270 คะแนน ที่ผู้ท้าชิงตำแหน่งต้องได้รับเพื่อให้ได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ของคณะผู้เลือกตั้ง เพื่อให้ได้รับเลือกเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไป
ไบเดนยังมีคะแนนนำทรัมป์ 14,000 คะแนนในรัฐจอร์เจีย ที่ผลการนับคะแนนยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ซึ่งหากถึงที่สุดแล้วไบเดนมีคะแนนนำเป็นจำนวนดังกล่าว ก็อาจไม่ต้องมีการนับคะแนนใหม่อีก และหากเขาได้รับชัยชนะในรัฐจอร์เจีย ไบเดนก็จะได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้งมากกว่าทรัมป์เป็นจำนวนใกล้เคียงกับที่ทรัมป์เอาชนะฮิลลารี คลินตันได้เมื่อสี่ปีที่แล้ว
แม้คะแนนเสียงดิบจะไม่ได้ส่งผลต่อการแพ้ชนะการเลือกตั้ง แต่ไบเดนก็ได้รับคะแนนเสียงดิบมากกว่าทรัมป์ถึงกว่า 5.3 ล้านคะแนน หรือราว 3.4 เปอร์เซ็นต์ คะแนนเสียงดิบที่ไบเดนได้รับในขณะนี้อยู่ที่ 50.8 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนเสียงดิบทั้งหมด มากกว่าที่อดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน เคยได้รับเมื่อครั้งที่เอาชนะอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ได้เมื่อปีค.ศ. 1980
ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างโดยไม่มีหลักฐานสำคัญว่า เขาถูกโกงเลือกตั้งครั้งใหญ่และยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่การเลือกตั้งระดับรัฐไม่ได้รายงานถึงความผิดปกติในการเลือกตั้งที่ร้ายแรงแต่อย่างใด และศาลก็ไม่รับยื่นฟ้องหลายคดีที่เขายื่นด้วย