'ทรัมป์' ถูกวิจารณ์หนัก! หลังอภัยโทษนายอำเภอประวัติสุดโชกโชนด้านเหยียดผิว

FILE - Republican presidential candidate Donald Trump is joined by Maricopa County, Ariz., Sheriff Joe Arpaio at a campaign event in Marshalltown, Iowa, Jan. 26, 2016.

Your browser doesn’t support HTML5

'ทรัมป์' ถูกวิจารณ์หนัก! หลังอภัยโทษนายอำเภอประวัติสุดโชกโชนด้านเหยียดผิว

นายโจ อาร์เพโอ หรือ นายอำเภอโจ เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนนโยบายปราบปรามคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย เขาถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานหมิ่นอำนาจศาล หลังจากไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งศาลรัฐแอริโซน่าเมื่อปี ค.ศ. 2011 ที่ให้ยุติการลาดตระเวนตรวจตราที่มีเป้าหมายตามล่าหรือระบุตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย

เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ปธน. ทรัมป์ มีคำสั่งอภัยโทษให้กับนายอาร์เพโอ ที่บรรดาผู้สนับสนุน ปธน.ทรัมป์ ต่างเรียกว่า “นายอำเภอที่แข็งแกร่งที่สุดในอเมริกา”

ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ พอล ไรอัน จากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้อภัยโทษแก่นายโจ อาร์เพโอ อดีตเจ้าหน้าที่เชอรีฟ ของเขตปกครองมาริโคปา รัฐแอริโซน่า หลังจากที่นายอำเภอผู้นี้ถูกตัดสินเมื่อต้นเดือนว่ามีความผิดในข้อหาหมิ่นอำนาจศาล ซึ่งเกี่ยวโยงกับนโยบายเลือกปฏิบัติด้านเชื้อชาติหรือสีผิว

โดยก่อนหน้านี้ ส.ว. จอห์น แมคเคน และ ส.ว. เจฟฟ์ เฟลค สังกัดพรรครีพับลิกัน ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของ ปธน. ทรัมป์ ในเรื่องนี้เช่นกัน

แต่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงในประเทศของทำเนียบขาว นายโธมัส บอสเสิร์ท กล่าวว่า การอภัยโทษครั้งนี้เป็นไปอย่างง่ายๆ ไม่อ้อมค้อม และประธานาธิบดีแทบทุกคนในยุคหลังๆ ก็เคยใช้อำนาจอภัยโทษที่ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาแล้วทั้งนั้น

In this Dec. 18, 2013, file photo, Maricopa County Sheriff Joe Arpaio speaks at a news conference at Maricopa County Sheriff's Office Headquarters in Phoenix.

ประวัติสุดโชกโชนด้านการเหยียดผิวและละเมิดสิทธิมนุษยชน

นายโจ อาร์เพโอ ซึ่งปัจจุบันอายุ 85 ปี เคยทำหน้าที่เจ้าหน้าที่เชอรีฟรัฐแอริโซน่ามานานกว่า 50 ปี เขาชนะเลือกตั้งเป็นนายอำเภอของเขตปกครองมาริโคปา เมื่อปี ค.ศ. 1992 ซึ่งมีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี และได้รับเลือกเข้ามาอีกหลายครั้งจนถึงปี ค.ศ. 2016 หรือปีที่แล้ว ซึ่งเขาแพ้เลือกตั้งให้แก่นายพอล เพนโซน

รายงานข่าวระบุว่าที่ผ่านมา นายอาร์เพโอ หรือที่คนแถวนั้นเรียกว่า “เชอรีฟโจ หรือนายอำเภอโจ” มักจะใช้วิธีลงโทษผู้กระทำผิดแบบที่คนอื่นไม่ใช้กัน เช่น นำตัวนักโทษไปไว้ที่ค่ายพักแรมกลางทะเลทรายที่บรรจุคนได้ราว 1,000 คน ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุกว่า 100 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 37 องศาเซลเซียส

ต่อมา องค์การนิรโทษกรรมสากลได้ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยบอกว่าเป็นการทารุณกรรมนักโทษเหล่านั้น ก่อนที่จะมีการสั่งปิดค่ายกลางทะเลทรายดังกล่าวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีนี้

FILE - In this Feb. 4, 2009, file photo, Maricopa County Sheriff Joe Arpaio, left, orders approximately 200 convicted illegal immigrants handcuffed together and moved into a separate area of Tent City, for incarceration until their sentences are served an

นายอาร์เพโอยังมีชื่อเสียงขึ้นมาจากการให้นักโทษสวมใส่กางเกงในสีชมพูเพื่อลดปัญหาการขโมยชุดในหมู่นักโทษ และยังได้ผลิตกางเกงในแบบบ็อกเซอร์สีชมพูออกขายเพื่อระดมทุนด้วย

เขาเคยถูกฟ้องร้องในข้อหาทารุณกรรมผู้ที่ถูกควบคุมตัวไว้ก่อนการตัดสินคดี ด้วยการให้ทานอาหารเน่าบูด ไม่ให้การดูแลทางการแพทย์ และให้อยู่อย่างแออัดภายในห้องขังที่ร้อนจัด ซึ่งเชอรีฟโจแก้ต่างว่าห้องขังควรจะเป็นสถานที่สำหรับลงโทษผู้กระทำผิด ไม่ใช่ที่ที่สะดวกสบาย

ในปี ค.ศ. 2011 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยผลการสอบสวนเรื่องนโยบายเลือกปฏิบัติด้านเชื้อชาติ หรือเหยียดผิว ที่สำนักงานเชอรีฟของเขตปกครองมาริโคปา รัฐแอริโซน่า โดยระบุว่าภายใต้นายอำเภออาร์เพโอ ระดับการเลือกปฏิบัติและอคติต่อชาวละตินอเมริกันนั้น อยู่ในระดับสูงสุดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และต่อมาศาลยังตัดสินว่าว่าการกระทำของนายอำเภอโจนั้นขัดกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้เขาต้องโทษจำคุก 6 เดือน โดยการตัดสินคดีจะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้

Inmates sit next to their bunks in the courtyard of Maricopa County Sheriff Joe Arpaio's jail in Phoenix, Arizona, Jan. 31, 2008.

เสียงวิจารณ์ขององค์กรสิทธิมนุษยชน

หลังจากที่ ปธน.ทรัมป์ อภัยโทษให้กับนายอาร์เพโอ องค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่งได้ออกมาแสดงความผิดหวัง

คุณเซซิลเลีย หวัง จาก American Civil Liberties Union กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ กำลังช่วยเหลือผู้กระทำผิดกฎหมายและผู้ที่สนับสนุนการเหยียดผิว การกระทำของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จึงเข้าข่ายเป็นการสนับสนุนการเหยียดผิวเช่นกัน

ขณะที่เครือข่ายด้านกฎหมาย American Bar Association กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ กำลังทำลายความเชื่อใจของประชาชนที่มีต่อระบบกฎหมายของอเมริกา