Your browser doesn’t support HTML5
ผู้แทนจากทั้ง 12 ประเทศ ได้ลงนามความร่วมมือดังกล่าวที่การประชุมที่ประเทศนิวซีแลนด์ในวันพฤหัสบดี
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจของประเทศชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ภายใต้กรอบการค้าเสรี Trans-Pacific Partnership จะนำไปสู่กลุ่มการค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรู สิงคโปร์ เวียดนาม และสหรัฐฯ
มูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้รวมกันแล้วคิดเป็นร้อยละ 40 ของขนาดเศรษฐกิจโลก
ผู้แทนการค้าของสหรัฐ Michael Forman กล่าวว่า ความร่วมมือนี้จะนำประโยชน์ทางเศรษฐกิจมาให้กับสหรัฐฯ มูลค่า 130,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในแง่ของการขยายตัวของเศรษฐกิจ เขากล่าวด้วยว่า ตนมั่นใจว่าผู้แทนในสภาสหรัฐฯ น่าจะเห็นประโยชน์ดังกล่าวและสนับสนุนความตกลงทางการค้านี้
หลังจากการลงนามในวันพฤหัสบดีที่ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศสมาชิก TPP ต้องนำเรื่องเข้าสภาของตนเพื่อการลงมติอนุมัติ
สำหรับประธานาธิบดีโอบามาซึ่งรับหน้าที่ผู้นำประเทศเป็นปีสุดท้าย การกระชับความร่วมมือกับประเทศต่างๆเหล่านี้ เป็นผลงานหนึ่งที่ชี้ว่าสหรัฐฯ พยายามถ่วงดุลอิทธิพลของจีน
TPP จะนำไปสู่การลดภาษี และเปิดโอกาสให้สหรัฐฯ ขายสินค้าไปต่างประเทศได้มากขึ้น และยังช่วยสนับสนุนให้เกิดมาตรฐานทางการค้าที่ยอมรับทั่วกัน
แต่ยังมีปัญหาท้าทายรออยู่!
ในประเทศชิลีและมาเลเซียมีผู้ประท้วงอิทธิพลของมาตรฐานใหม่ทางการค้า และคนจำนวนไม่น้อยกังวลถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
ส่วนในสรัฐฯเอง สหภาพแรงงานกล่าวว่า TPP เป็นการหักหลังภาคแรงงานภายในประเทศและธุรกิจอเมริกันที่ไม่มีทางแข่งเรื่องค่าแรงที่ต่ำกว่าในประเทศอื่น นอกจากนั้นยังมีผู้กล่าวว่า TPP เอื้อประโยชน์เฉพาะแต่ธุรกิจขนาดใหญ่
และเนื่องจากสิ่งท้าทายเหล่านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าสภาอเมริกันน่าจะยังไม่สามารถลงมติอนุมัติข้อตกลง TPP ได้ในปีนี้
(รายงานโดย Mil Arcega / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)