‘นายแพทย์เฟาชี่-ทรัมป์-สี จิ้นผิง-บอง จุน โฮ’ ติดอันดับบุคคลทรงอิทธิพลของไทม์ปีนี้

FILE - Dr. Anthony Fauci, director of the National Institute for Allergy and Infectious Diseases, speaks on Capitol Hill in Washington, July 31, 2020. (Kevin Dietsch/Pool via AP)

นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้ของสหรัฐฯ และหนึ่งในคณะทำงานพิเศษรับมือวิกฤติไวรัสโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว ติดโผหนึ่งใน 100 บุคคลทรงอิทธิพลของโลกในปีนี้จากการจัดอันดับของนิตยสารไทม์์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

จิมมี คิมเมล พิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดัง ชื่นชมนายแพทย์เฟาชี่ต่อนิตยสารไทม์ว่า ฟาวชี่เป็นคนตรงไปตรงมา ยอมพูดความจริงที่อาจไม่น่าฟังนัก ไม่ยอมถูกนักการเมืองกดดันเพื่อรักษาชีวิตของผู้ติดเชื้้อ

ทั้งนี้ นายแพทย์เฟาชี่มักขัดแย้งกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องการรับมือและการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยล่าสุดนี้เขากล่าวว่า สหรัฐฯ จะกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนมีโรคระบาดในปีหน้าหรืออาจจะถึงปลายปีหน้า และโรคระบาดอาจกลับมารุนแรงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ซึ่งสวนทางกับท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ระบุว่า สหรัฐฯ จะกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน

ผู้นำสหรัฐฯ เองก็ติดอยู่ในรายชื่อผู้ทรงอิทธิพลของไทม์ด้วยเช่นกัน โดยไบรอัน เบนเน็ตต์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบขาวของนิตยสารไทม์ เขียนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ให้ความสำคัญกับความรุนแรงของไวรัสโควิด-19 แต่เนิ่นๆ ไม่ยอมใส่หน้ากากเป็นเวลาหลายเดือน และกดดันให้นักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลเปลี่ยนคำแนะนำต่อสาธารณชน ในขณะที่ไวรัสคร่าชีวิตชาวอเมริกันไปกว่าสองแสนคนแล้ว

U.S. President Donald Trump arrives for a campaign rally at Pittsburgh International Airport in Moon Township, Pennsylvania, Sept. 22, 2020.

โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีและผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต และคามาลา แฮร์ริส ผู้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีจากพรรคเดียวกัน ก็ติดอยู่ในการจัดอันดับของนิตยสารไทม์ด้วยเช่นกัน

ทางฝั่งยุโรป อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีก็ติดอันดับ โดยเออร์ซูลา วอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ชื่นชมแมร์เคิลว่าเป็นผู้นำที่คิดมากกว่าพูด มองการณ์ไกลและมีความสามารถในการเจรจาให้ทุกฝ่ายร่วมมือต่อสู้กับวิกฤติต่างๆ ตั้งแต่วิกฤติการเงิน วิกฤติสหภาพยุโรปมาจนถึงวิกฤติไวรัสระบาด

ส่วนประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนาโร ของบราซิลก็ติดอันดับด้วยเช่นกัน โดยภายใต้การนำของผู้นำสายอนุรักษ์นิยมผู้นี้ มีชาวบราซิลเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 แล้วกว่า 137,000 คน เศรษฐกิจบราซิลถดถอยมากที่สุดในรอบสี่สิบปี และเกิดไฟป่าในป่าแอมะซอนกว่า 29,000 ครั้งในเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียว

Brazil's President Jair Bolsonaro gestures as he speaks to the media on his positive coronavirus diagnosis in Brasilia, Brazil, July 7, 2020.

ทางฝั่งนักกิจกรรม สามผู้ก่อตั้งขบวนการ Black Lives Matter อย่างเอลิเชีย การ์ซา แพทริซ คุลเลอส์ และโอพอล โทเมติ ก็ติดอันดับของไทม์ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่กระแสการเรียกร้องสิทธิของคนผิวดำปะทุขึ้นมาอีกครั้งจากกรณีของจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวดำที่เสียชีวิตระหว่างถูกตำรวจจับกุมเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ผู้นำ-นักกิจกรรม-นักธุรกิจฝั่งเอเชีย ติดอันดับในรายชื่อผู้ทรงอิทธิพลของไทม์

ทางฝั่งเอเชียก็มีผู้นำติดอันดับไม่น้อยเช่นกัน เช่น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในฐานะผู้นำจีนที่จัดการปัญหาทุจริตในประเทศอย่างเด็ดขาดและนำจีนสร้างอิทธิพลด้านการต่างประเทศและทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ในขณะเดียวกันรัฐบาลของเขาก็ขังชาวอุยกูร์ในค่ายกักกัน ปราบปรามผู้ประท้วงต่อต้านจีนในฮ่องกง และใช้เทคโนโลยีสอดส่องพฤติกรรมคนในประเทศมากขึ้น

และประธานาธิบดีไช่ อิง เหวินของไต้หวัน ที่ติดอันดับในฐานะผู้นำที่ไม่ยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียก็ติดอยู่ในอันดับ โดยคาร์ล วิค บรรณาธิการใหญ่ของนิตยสารไทม์ ระบุว่า รัฐบาลของโมดีไม่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางศาสนาและชาติพันธุ์ในอินเดียและยังมุ่งเป้าไปที่ชาวมุสลิม การเผชิญหน้ากับไวรัสระบาดครั้งใหญ่ยิ่งทำให้อินเดียเผชิญความแตกแยกมากยิ่งขึ้น

Hong Kong exiled pro-democracy activist Nathan Law holds a placard outside the Italian Foreign Ministry headquarter as he speaks to media, during the meeting between Italian Foreign Minister and his Chinese counterpart in Rome on August 25, 2020

ส่วนฝั่งนักกิจกรรมเอเชียที่ติดอันดับ ประกอบด้วย นาธาน โหลว นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยและการปกครองตนเองของฮ่องกงที่ต้องลี้ภัยออกจากฮ่องกงหลังรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง ชิโอริ อิโตะ นักข่าวหญิงชาวญี่ปุ่นที่ชนะคดีต่อผู้ที่ล่วงละเมิดทางเพศเธอและกลายเป็นผู้จุดประเด็นการเรียกร้องต่อการกดขี่ทางเพศต่อผู้หญิงในญี่ปุ่น และฉี เจียเวย นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศในไต้หวัน

มีนักธุรกิจเชื้อสายเอเชียที่ติดอันดับด้วยเช่นกัน เช่น อีริค หยวน นักธุรกิจชาวจีนอเมริกันผู้ก่อตั้ง “ซูม” โปรแกรมประชุมทางวิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงที่ผู้คนจำเป็นต้องทำงานจากบ้าน และแดเนียล จาง นักธุรกิจชาวจีนผู้เข้าบริหารกลุ่มอาลีบาบาต่อจากแจ็ค หม่า แม้เขาจะไม่ค่อยชอบมีพื้นที่ทางสื่อ แต่ผลงานการบริหารของเขาก็สร้างปรากฎการณ์ต่างๆ เช่น สร้างเทศกาลซื้อของออนไลน์จนยอดขายทะลุ 38,400 ล้านดอลลาร์ภายในวันเดียว ขับเคลื่อนการซื้อขายท่ามกลางวิกฤติไวรัส สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก และใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐช่วยวินิจฉัยอาการจากไวรัสโควิด-19 ในโรงพยาบาล

คนในวงการฮอลลีวูดตบเท้าติดอันดับ

นอกจากนักการเมืองแล้วก็มีผู้ทรงอิทธิผลในวงการบันเทิงติดอันดับด้วยเช่นกัน เช่น ไมเคิล บี จอร์แดน นักแสดง ผู้ผลิตภาพยนตร์ และผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอมมี่ โดยเดนเซล วอชิงตัน นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์ เขียนชื่นชมจอร์แดนว่า เขาเป็นคนมีพรสวรรค์อันโดดเด่นและยินดีที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งบนเส้นทางอาชีพของเขา ทั้งนี้ วอชิงตันมีแผนจะกำกับภาพยนตร์ที่จอร์แดนร่วมแสดงด้วย

บอง จุน โฮ ผู้กำกับภาพยนตร์ที่่นำภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ Parasite คว้ารางวัลออสการ์ก็จัดอยู่ในอันดับนี้ด้วยเช่นกัน โดยทิลดาร์ สวินตัน นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ชื่นชมว่าภาพยนตร์ของเขาถูกกำกับอย่างเฉียบแหลม เต็มไปด้วยข้อคิดในขณะที่แฝงไปด้วยความโรแมนติค โดยภาพยนตร์ของเขาเปรียบเสมือนผลงานที่ “รอให้โลกตามให้ทัน”

South Korean film director Bong Joon Ho



นอกจากนี้ ผู้ติดรายชื่อของไทม์ยังมีโจโจ ซิวา ยูทิวบ์เบอร์และนักร้องนักแสดงวัย 17 ปี โดยคิม คาร์ดาเชียน เจ้าแม่รายการเรียลลิตี้ ชื่นชมซิวาว่าเป็น “แสงสว่างในโลกที่ดูน่ากลัว” และกล่าวว่า ลูกสาวของเธอและเด็ก ๆ อีกหลายล้านคนทั่วโลกชื่นชอบความสดใสและความมองโลกในแง่บวกของซิวา

อีกด้านหนึ่ง เมแกน ธี แสตลเลียน แรพเพอร์สายเซ็กซี่ก็ติดอันดับด้วยเช่นกัน โดยทาราจิ พี เฮนซัน กล่าวว่า แสตลเลียนเผชิญกับเหล่าคนที่ไม่ชอบเธอและถึงกับยิงเธอ แต่เธอก็ยังคงความเป็นคนที่สดใสร่าเริงเอาไว้ได้

คู่สามีภรรยา เดวน เวด อดีตนักบาสเก็ตบอล และแกเบรียล ยูเนียน นักแสดงและนักเคลื่อนไหว ก็ติดในโผของนิตยสารไทม์ด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งคู่สนับสนุนการตัดสินใจของซายา บุตรสาวข้ามเพศของเวดกับภรรยาคนก่อน โดยจอห์น ลีเจนด์ นักร้องนักดนตรีชื่อดัง กล่าวว่า ทั้งคู่เป็นตัวอย่างอันทรงพลังในการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วงแสวงหาตัวตนของตนเอง