ชาวฝรั่งเศสมากกว่า 1 แสนคนร่วมชุมนุมประท้วงในกรุงปารีสและในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อต่อต้านมาตรการที่รัฐบาลนำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนโควิด
ที่กรุงปารีส และที่เมืองสตราสบูร์ก เมืองลีลล์ และเมืองมงต์เปลิเยร์ มีการเดินขบวนทั้งของกลุ่มขวาจัดและซ้ายจัด หลังจากที่ ฟลอเรียง ฟิลิปโปต์ นักการเมืองแนวทางขวาจัดผู้ประกาศตัวลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปีหน้า ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนเดินขบวนตามท้องถนนเพื่อต่อต้านมาตรการกดดันให้มีการฉีดวัคซีนดังกล่าว
บรรดาผู้ประท้วงต่างประณามการตัดสินใจของรัฐบาลที่เตรียมใช้กฎหมายบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนต้องเข้ารับวัคซีน และกำหนดให้มีการใช้ "บัตรรับรองสุขภาพ" สำหรับประชาชน ที่แสดงให้เห็นว่าบุคคลนั้นผ่านการฉีดวัคซีนมาแล้ว หรือมีผลตรวจเป็นลบในช่วงไม่กี่วัน หรือเพิ่งหายจากโควิด-19 สำหรับเข้าไปใช้บริการร้านอาหาร หรืออาคารสาธารณะต่าง ๆ
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาคร็อง กำลังจะเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาในวันจันทร์นี้ โดยให้เวลาบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนเข้ารับวัคซีนจนถึงวันที่ 15 กันยายน ท่ามกลางการต่อต้านของประชาชนที่ไม่ต้องการฉีดวัคซีนซึ่งระบุว่า รัฐบาลกำลังเข้ามาแทรกแซงมากเกินไป
บรูโน ออควิเยร์ หนึ่งในผู้เข้าร่วมประท้วง กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ตนจะไม่ฉีดวัคซีนเด็ดขาดเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยของวัคซีนโควิด และยืนยันว่าจะไม่ให้ลูกทั้งสองคนไปโรงเรียนหากรัฐบาลบังคับให้เด็กนักเรียนทุกคนต้องฉีดวัคซีน โดยเขาบอกว่า มาตรการล่าสุดของรัฐบาลถือเป็น "ฟางเส้นสุดท้าย"
บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขในฝรั่งเศสต่างกังวลว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้อาจทำให้โรงพยาบาลต่าง ๆ เข้าสู่ภาวะฉุกเฉินอีกครั้ง และเชื่อว่าการระดมฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนมากที่สุด คือหนทางเดียวที่ปกป้องประชาชนได้
จนถึงขณะนี้ ฝรั่งเศสมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แล้วกว่า 111,000 คน ติดเชื้อสะสมมากกว่า 5.8 ล้านคน และมีประชาชนได้รับวัคซีนครบแล้วราว 27 ล้านคน หรือคิดเป็นกว่า 40% ของประชากรทั้งหมด
(ที่มา: เอพี และวีโอเอ)