'ประยุทธ์' ร่วมประชุมยูเอ็นวันที่สอง หารือทวิภาคีผู้นำออสเตรเลีย-บังคลาเทศ

Your browser doesn’t support HTML5

Thai UNGA

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย และ รมว.กลาโหม เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Summit) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ในวันอังคารที่ 24 กันยายน โดยมีผู้นำหลายประเทศเข้าร่วม

นายกรัฐมนตรีไทยขึ้นกล่าวต่อที่ประชุม SDG Summit ในฐานะตัวแทนของผู้นำอาเซียน 10 ประเทศ โดยได้ร่วมรับรองวิสัยทัศน์ว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน และเห็นชอบข้อริเริ่ม “ความเกื้อกูลระหว่างวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 กับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030” เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกประเทศต้องเร่งสร้างความเชื่อมโยง ลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ต้องขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่ ใช้แนวทางการพัฒนาของชุมชน สนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และเตรียมเข้าสู่สังคมสูงอายุ และต้องร่วมส่งเสริมการเปิดเสรีทางการค้าแบบพหุภาคี และสร้างภูมิต้านทานต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ

และว่า อาเซียนพร้อมที่จะร่วมมือกับสหประชาชาติและนานาประเทศเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ ศักยภาพ และแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี โดยปลายปีนี้จะจัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อการหารือและการศึกษาวิจัยด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อน SDGs ให้เป็นรูปธรรมทั้งในและนอกอาเซียนต่อไป

Thai Prime Minister gives speech at UN's SDG Summit 2019

และในวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ชีค ฮาสินา และนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย สก็อตต์ มอริสัน ในแบบทวิภาคี

ผู้นำไทยและบังคลาเทศ ตกลงกันว่าจะเพิ่มพูนมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยอาศัยกลไกคณะกรรมการร่วมทางการค้าที่มีอยู่ และผลักดันให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งทางไทยได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนบังคลาเทศเข้ามาลงทุนในโครงการ EEC และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดน ซึ่ง BOI จะมอบสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุน ซึ่งบังกลาเทศแสดงความสนใจ

สำหรับการหารือกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ไทยได้เน้นย้ำความสำคัญของความตกลง RCEP ต่อการเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ซึ่งไทยในฐานะประธานอาเซียนจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับออสเตรเลียเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมในการเจรจา RCEP ให้มีผลอย่างเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ และแสดงความสนใจเข้าร่วม CPTPP ด้วย

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะยกระดับความสัมพันธ์ด้านต่าง ๆ เช่น การค้า การลงทุน อาหาร พลังงาน เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ต่อไป