รัฐบาลชุดใหม่ของไทยวางแผนเดินหน้านโยบายแจกเงินประชาชนรายละ 10,000 บาท พักหนี้ และลดราคาพลังงาน ลดค่าครองชีพ หวังช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ
รอยเตอร์อ้างอิงข้อมูลนโยบายด้านเศรษฐกิจจากร่างแถลงนโยบายที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะต้องแถลงชุดนโยบายตามร่างดังกล่าวต่อสมาชิกรัฐสภาในสัปดาห์หน้า ระบุว่า นโยบายต่างๆ จะกระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และรัฐบาลจะอัดฉีดเงินสดเข้าไปในเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและสร้างโอกาสให้กับทุกคน
รัฐบาลเศรษฐาเข้ามาบริหารประเทศในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ อันเป็นผลมาจากการส่งออกและการลงทุนที่อ่อนตัวลง จนฉุดแรงกระตุ้นจากภาคการท่องเที่ยว
เมื่อเดือนที่แล้ว ภาครัฐได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ในปี 2023 จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะโตขึ้น 2.7-3.7% เป็น 2.5-3.0% สืบเนื่องจากการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 2.6%
การแจกเงิน 10,000 บาทตามนโยบายที่ประกาศไว้โดยพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะแจกเงินให้กับประชาชนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป หากนับเป็นจำนวนเงิน จะต้องใช้เงินจำนวนราว 5.6 แสนล้านบาท
นอกจากนั้น ร่างคำแถลงนโยบายยังระบุด้วยว่าจะมีการเสนอให้มีการพักหนี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบมาจากการระบาดของโควิด-19 และมาตรการดังกล่าว จะเป็นมาตรการที่มีความรับผิดรับชอบทางการเงิน
ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลชุดปัจจุบันยังมีแผนจะลดราคาค่าไฟฟ้าและก๊าซหุงต้ม และจะส่งเสริมการท่องเที่ยวให้สร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้น ด้วยการลดเงื่อนไขการทำวีซ่าของพลเมืองในบางประเทศ
มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2023 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเป็นจำนวน 29 ล้านคน ซึ่งยังคงต่ำกว่าจำนวนผู้มาเยือนเมื่อปี 2019 ที่ 39.9 ล้านคน
- ที่มา: รอยเตอร์