แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยและหัวหน้าพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประกาศในวันอังคารว่า ตนมีความมั่นใจในจำนวนเสียงสนับสนุนจากวุฒิสภาเพื่อให้ตนก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลได้ตามแผน จากรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี
หลังได้รับชัยชนะมากที่สุดในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พรรคก้าวไกลจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนทั้งหมด 376 เสียงจากทั้งสองสภา ซึ่งหมายถึงการที่ต้องระดมแรงหนุนจากวุฒิสมาชิก 250 คนที่ถูกแต่งตั้งโดยรัฐบาลรักษาการที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาให้ได้อย่างน้อย 64 เสียง เพื่อให้พิธาขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี หลังพรรคก้าวไกลสามารถเจรจากับพรรคการเมืองอื่น ๆ เพื่อตั้งรัฐบาล 312 เสียงได้สำเร็จไป
ผู้สื่อข่าวสอบถามพิธาในวันอังคารเกี่ยวกับตัวเลขวุฒิสมาชิกที่มั่นใจว่า จะลงคะแนนเสียงให้ตน ก็ได้รับคำตอบว่า “มากพอที่จะทำให้ผมเป็นนายกฯ”
ทั้งนี้ รัฐสภามีกำหนดเปิดประชุมนัดแรกหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันจันทร์หน้า ขณะที่ การลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นจะต้องเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในกลางเดือนกรกฎาคม
เอเอฟพีชี้ว่า เป้าหมายของพรรคก้าวไกลที่จะแก้ไขมาตรา 112 ที่มีบทลงโทษผู้กระทำผิดในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยังคงเป็นอุปสรรคหลักสำหรับการตั้งรัฐบาลของพรรคหัวก้าวหน้านี้ แต่พิธาก็ปฏิเสธความเชื่อที่ว่านี้ แม้จะมีวุฒิสมาชิกหลายคนออกมาประกาศแล้วว่า ตนจะไม่ลงคะแนนเสียงให้กับเขาเป็นอันขาด
นอกจากประเด็นการแก้กฎหมายดังกล่าวแล้ว แคนดิเดตนายกฯ รายนี้ยังต้องรอผลการสืบสวนของคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อสรุปว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกลนั้นควรถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้งและเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง เพราะข้อกล่าวหาว่า เขาถือครองหุ้นในธุรกิจสื่อที่ปิดตัวไปแล้วหรือไม่
SEE ALSO: รอยเตอร์ตีข่าว "ปัจจัยขวาง" เส้นทางนายกฯ ของพิธา
- ที่มา: เอเอฟพี