‘แทมมี่ ดักเวิร์ธ’ เปิดตัวหนังสือใหม่ เผยสังคมตีตราแม่ - เหยียดลูกครึ่ง

US Senator Tammy Duckworth during the inauguration of Joe Biden as the 46th President of the United States on the West Front of the U.S. Capitol in Washington, U.S., January 20, 2021. REUTERS/Brendan Mcdermid

วุฒิสมาชิกอเมริกันเชื้อสายไทย พ.ท.หญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ เปิดตัวหนังสือใหม่ “Every Day Is a Gift” หรือ ทุกวันคือของขวัญ ซึ่งเป็นบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตที่ต้องผ่านบททดสอบอย่างหนัก ตั้งแต่เป็นเด็กลูกครึ่งในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การสูญเสียขาทั้งสองข้างในสงครามอิรัก ตลอดจนการเป็นแม่ในขณะดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ

ส.ว.จากรัฐอิลลินอย ที่ครั้งหนึ่งติดโผรายชื่อผู้ที่ได้รับการพิจารณาให้ลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี เคียงคู่ไปกับโจ ไบเดน ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสหรัฐฯ เกี่ยวกับหนังสือเล่มใหม่ของเธอ

แทมมียังได้พูดคุยกับนางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ในรายการพอดแคสท์ "You and Me Both with Hillary Clinton" เป็นการคุยกับ "หญิงกล้า" ซึ่งเนื้อหาบางช่วงบางตอนเป็นเรื่องของการต้องต่อสู้กับการถูกเหยียดหรือเลือกปฏิบัติ และการลุกขึ้นมายืนหยัดอีกครั้งหลังจากที่ต้องเผชิญกับปัญหาและช่วงเวลาที่รู้สึกพ่ายแพ้ในชีวิต

U.S. Senator Tammy Duckworth (D-IL) arrives for the fourth day of the Senate impeachment trial of U.S. President Donald Trump at the U.S. Capitol in Washington, U.S., January 24, 2020. REUTERS/Erin Scott

อดีตทหารผ่านศึกสงครามอิรักเล่าว่า ชีวิตวัยเด็กที่เติบโตในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะลูกครึ่งของทหารอเมริกันจีไอและหญิงไทยเชื้อสายจีน หลังการสิ้นสุดสงครามเวียดนามนั้น ทำให้เธอต้องถูกล้อเลียน กลั่นแกล้ง และเลือกปฏิบัติ เพราะสังคมในตอนนั้น เหมารวมว่าลูกครึ่งเหล่านี้ เป็นลูกที่พ่อชาวอเมริกันทิ้งไว้อยู่กับแม่ ซึ่งหลายคนเป็นหญิงขายบริการทางเพศมาก่อน

ในขณะนั้น มีทหารอเมริกันเพียงไม่กี่คนที่แต่งงานกับหญิงไทยและสร้างครอบครัว ซึ่งพ่อของแทมมีก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถึงอย่างนั้น แม่ของเธอก็หนีไม่พ้นการโดนสังคมมองอย่างผิด ๆ ทำให้แม่ของเธอต้องใช้ชีวิตด้วยความอับอายกับตราบาปที่สังคมยัดเยียดให้

ส่วนแทมมีพยายามให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ ให้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม แต่ก็พบว่านั่นเป็นเรื่องที่ยาก ไม่ว่าจะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือในฮาวาย เมื่อครอบครัวเธอย้ายไปอยู่ที่นั่น เธอบอกว่าประสบการณ์ในวัยเด็กจึงทำให้เข้าใจประสบการณ์ของผู้อพยพ

Wounded Iraq veteran Sen. Tammy Duckworth (D-Ill) at a meeting with veterans deported to Mexico during the presidency of U.S. President Donald Trump, as part of Veterans Day, at the Deported Veterans Support House in Tijuana, Mexico, November 11, 2019. RE

นอกจากนี้ แทมมียังให้สัมภาษณ์กับ NPR อีกด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อหลายสิบปีก่อน ยังคงเกิดขึ้นกับคนอเมริกันเชื้อสายเอเชีย หรือชาวเอเชียนที่อพยพมาอยู่อเมริกาในทุกวันนี้ นั่นคือความรู้สึกว่าเป็นคนอื่นในประเทศของตัวเอง

เธอกล่าวว่าปีที่ผ่านมาและปีนี้ เป็นปีที่หนักหน่วงสำหรับคนเชื้อสายเอเชียในอเมริกา เพราะพวกเขารู้สึกว่ากำลังถูกล่า ถูกถ่มน้ำลายใส่หน้า และถูกลดค่าความเป็นคน และความเป็นอเมริกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอเข้าใจได้

การถูกเลือกปฏิบัติมาตั้งแต่เด็กนี่เอง ที่ทำให้ แทมมี ดักเวิร์ธ บอกว่าเธอตกหลุมรักกองทัพอเมริกัน เพราะระบบทหารเป็นระบบที่เน้นความรู้ความสามารถของบุคคลเป็นหลัก ไม่มีใครสนใจว่าเธอเป็นผู้หญิงเชื้อสายเอเชียตัวเล็ก ๆ แต่กองทัพสนใจว่าเธอทำงานได้ไหม ยิงปืนเป็นหรือไม่ ซึ่งเธอบอกว่าการเข้าร่วมกองทัพ เป็นครั้งแรกที่คุณค่าของเธอถูกตัดสินจากการทำงาน

FILE - Sen. Tammy Duckworth, D-Ill., speaks on Capitol Hill, in Washington, Feb. 14, 2018.

แทมมี เข้าร่วมสงครามอิรัก และเป็นผู้หญิงในกองทัพสหรัฐฯ เพียงไม่กี่คนที่ทำหน้าที่เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ในการรบครั้งนั้น สงครามอิรักเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต เพราะเฮลิคอปเตอร์ที่เธอขับ ถูกยิงตกจนทำให้เธอต้องสูญเสียขาทั้งสองข้าง และรักษาอาการเป็นเวลานานหลายเดือน

ในหนังสือ Every Day is a Gift เธอเล่าว่าเธอต้องการกลับเข้าไปในกองทัพและร่วมรบกับเพื่อนทหารคนอื่น ๆ เหมือนเดิม แต่เมื่อรู้ว่าเธอจะไม่สามารถทำได้ เธอรู้สึกผิดหวัง หดหู่ และรู้สึกไร้เป้าหมายในชีวิต จนกระทั่งเธอได้รับการชักชวนให้ลงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของเขตในรัฐอิลลินอย ซึ่งเธอพ่ายแพ้ในการลงสมัครครั้งแรก ซึ่งเธอบอกว่าเธอขังตัวเองในห้องน้ำและร้องไห้ไป 3 วัน แต่สุดท้ายเธอไม่ยอมแพ้ ลงเลือกตั้งอีกครั้งและได้รับเลือกเป็น ส.ส. จากรัฐอิลลินอยสองสมัย ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็น ส.ว.ในปี ค.ศ.2016

นอกจากนี้ หนังสือบันทึกความทรงจำของแทมมี ยังได้พูดถึงความยากจนของครอบครัว โดยเฉพาะหลังจากย้ายไปฮาวาย พ่อของเธอตกงานเป็นเวลาสามปี ทำให้เธอเป็นคนเดียวในบ้านที่มีงานทำ หาเงินมาซื้ออาหารและจ่ายค่าเช่าบ้าน ในวัยเพียง 15 ปี เธอยังพูดถึงความพยายามตั้งครรภ์ การเป็นแม่ของลูกสาว 2 คนในขณะที่ต้องทำหน้าที่ผู้แทนในรัฐสภาสหรัฐฯ ควบคู่ไปด้วย ตลอดจนการต่อสู้กับความรู้สึกว่าเธอทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดีพอ

Senator Tammy Duckworth (D-IL) carries her daughter Abigail during a mock swearing in with U.S. Vice President Joe Biden during the opening day of the 115th Congress on Capitol Hill in Washington, Jan. 3, 2017.

ในการพูดคุยกับฮิลลารี คลินตัน ในรายการพอดแคสท์ แทมมี ดักเวิร์ธสรุปว่าประสบการณ์ของเธอทำให้เธอได้ค้นพบความพิเศษของอเมริกา

“เราไม่ใช่ประเทศที่สัญญากับคุณว่าคุณจะไม่มีวันล้มเหลว อเมริกาเป็นประเทศที่บอกว่า ถ้าคุณล้มไปแล้วแต่คุณไม่ยอมแพ้ อเมริกาก็จะไม่ทอดทิ้งคุณเช่นกัน นั่นคือความงดงามของอเมริกา”

นอกจากนี้ เธอยังอยากให้คนอเมริกันได้เห็นการต่อสู้กับความยากจน การเลือกปฏิบัติ และความผิดหวังในช่วงต่าง ๆ ของชีวิตของเธอ แล้วบอกตัวเองว่า การต่อสู้ฝ่าฟันกับอุปสรรคในชีวิตนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ขอเพียงให้ทุกคนลุกขึ้นมาก็พอ