เมื่อวันอังคารที่ 23 มีนาคม ที่สหรัฐฯ รัฐบาลชุดประธานาธิบดี โจ ไบเดนได้ให้คำมั่นว่าจะปรับแนวทางการสรรหาและแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงใหม่โดยจะเพิ่มความสำคัญต่อบุคคลที่มีเชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิก หรือ Asian Americans and Pacific Islanders (AAPI) ในการดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทย พ.ท.หญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ ท้วงว่าจะไม่ลงมติร่วมรับรองผู้ที่โจ ไบเดนเสนอชื่อให้นั่งตำแหน่งสำคัญต่างๆ ในอนาคต
เรื่องดังกล่าวมีต้นตอมาจากการสัมภาษณ์ของส.ว. ดักเวิร์ธ จากรัฐอิลลินอยส์ กับสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ของสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์ เธอออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไบเดนให้ความสำคัญกับเสียงของคนกลุ่ม AAPI มากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวกลับบอกเธอหลายครั้ง ว่ารัฐบาลชุดนี้พอใจที่มีคามาลา แฮร์ริส สตรีผิวสีเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีของสหรัฐฯแล้ว เพื่อเป็นการให้ ส.ว.ดักเวิร์ธ เห็นด้วยกับจำนวนตัวแทน AAPI ในคณะรัฐมนตรีที่มีอยู่แล้วในตอนนี้
คำพูดดังกล่าวจากฝั่งทำเนียบขาวทำให้ ส.ว.เชื้อสายไทย ประกาศว่าจะไม่โหวตรับรองผู้ที่ได้รับการเสนอรายชื่อเข้าชิงตำแหน่งอื่นๆในรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน หากบุคคลเหล่านั้นขาดความหลากหลายทางเชื้อชาติ ส.ว.ดักเวิร์ธได้ต่อว่าว่าคำพูดดังกล่าวของฝ่ายทำเนียบขาวถือเป็นการดูถูกเธออย่างยิ่ง นอกจากนี้วุฒิสมาชิกจากเชื้อสายเอเชียจากรัฐฮาวาย แมสซี่ ฮิโรโนะ ก็เห็นด้วยและออกตัวว่าจะปฏิเสธการลงมติสนับสนุน หากรัฐบาลไบเดนละเลยคำเรียกร้องข้างต้นเช่นกัน
หลังเหตุกราดยิงร้านนวดที่รัฐจอร์เจียเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคร่าชีวิตหญิงเชื้อสายเอเชียถึงหกคน วุฒิสมาชิกแทมมี่ดักเวิร์ธ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ชาวอเมริกันทุกฝ่ายหยุดปฏิบัติต่อชาวเอเชียนอเมริกันเหมือนเป็น "คนอื่น" ซึ่งเป็นการเติมเชื้อกระแสความเกลียดชังและการกีดกันชาวเอเชียนอเมริกันที่ดำเนินมากว่าหนึ่งปี นับตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าท่าทีดังกล่าวของ ส.ว. ทั้งสองท่านจะทำให้พรรคเดโมแครตเผชิญกับความยากลำบากในการผลักดันคนจากพรรคตนเองให้ได้รับการรับรองจากวุฒิสภาในตำแหน่งสำคัญต่างๆ ประธานาธิบดีไบเดนยังยืนยันอีกว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไบเดน มีความหลากหลายมากกว่าชุดใดในสหรัฐฯ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แคทเธอรีน ไท โดยเธอได้รับการรับรองจากวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและสร้างประวัติศาสตร์เป็นคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว
คำสัญญาจากรัฐบาลไบเดนเรื่องการความหลากหลายทางเชื้อชาติ
แต่ความขัดแย้งที่ดูเหมือนจะเริ่มบานปลายก็จบลงเมื่อคำ่วันอังคาร โดยโฆษกของส.ว.ดักเวิร์ธ แถลงว่ารัฐบาลไบเดนได้รับฟังคำร้องของเธอและให้คำมั่นว่าจะปรับการแต่งตั้งให้มีบุคคลเชื้อสายเอเชียมากขึ้นในตำแหน่งสำคัญต่างๆ ของรัฐบาลนี้ ซึ่งส.ว.เชื้อสายไทยก็ยินดีกับคำสัญญาดังกล่าวและกล่าวว่าจะไม่ปฏิเสธการรับรองในวุฒิสภาอีกต่อไป ส่วน ส.ว.จากรัฐฮาวายก็แสดงความพอใจและออกมาพูดในทำนองเดียวกันกับส.ว.ดักเวิร์ธ
ทั้งนี้โฆษกทำเนียบขาว เจน ซากีก็ออกมาแถลงการณ์เช่นกัน โดยกล่าวว่าประธานธิบดีโจ ไบเดนยังคงยึดมั่นว่ารัฐบาลของเขาสะท้อนถึงความหลากหลายทางเชื้อชาติเสมือนกับประเทศสหรัฐฯที่เป็นหม้อหลอมวัฒนธรรมต่างๆ ของประชากรอเมริกัน ทั้งนี้ เพื่อให้เสียงของชุมชน AAPI ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น ทำเนียบขาวขอสัญญาว่าจะเลือกคนจากประชากรกลุ่มนี้ ให้มารับตำแหน่งระดับสูงในรัฐบาล
โดยส.ว.เชื้อสายไทยบอกกับสำนักข่าว Politico ของสหรัฐฯว่า เธออยากเห็นรัฐบาลชุดนี้เสนอชื่อบุคคลเอเชียนอเมริกันให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะกรรมการกลางกับดูแลกิจการสื่อสาร (the Federal Communications Committee) สำนักงานงบประมาณแผ่นดิน (the Office of Management and Budget) หรือ ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี
ส่วนทางด้านรองประธานิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส ได้ออกมาสนับสนุนประธานาธิบดีไบเดนผ่านสื่ออเมริกันซีบีเอสในวันรุ่งขึ้น เธอยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้มีความหลากหลายเป็นประวัติศาสตร์จริงแต่การเลือกบุคคลที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมาดำรงตำแหน่งต่างๆยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น
การรับรองตำแหน่งสำคัญอื่นๆในวุฒิสภาสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ตำแหน่งสำคัญอื่นๆ เช่น ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะมีการโหวตรับรองในวุฒิสภาสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ก็ได้มีการเสนอชื่อบุคคลที่ความหลากหลายทางเชื้อชาติด้วย
ประธานาธิบดี ไบเดนต้องการให้ ดร.เรเชล เลอวีน แพทย์ใหญ่รัฐเพนซิลเวเนียดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ ซึ่งหากผ่านการรับรอง ดร.เลอวีนจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นสตรีข้ามเพศคนแรกที่ได้รับการรับรองจากวุฒิสภาเพื่อให้ร่วมรัฐบาลไบเดนในตำแหน่งดังกล่าว ส่วนอีกท่านคือนักการเมืองผิวสี อแดลเวล อดีเยอโม่ ที่ถูกมองว่าจะได้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าตำแหน่งที่ปรึกษาใหญ่ของกระทรวงกลาโหมหรือเพนตากอน ที่ทำเนียบขาวสนับสนุนให้นาย คอลลินส์ คาล ให้ได้รับการรับรองในสัปดาห์นี้น่าจะเป็นไปได้ยาก นักวิเคราะห์ให้เหตุผลว่า ที่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะหากนายคาลได้รับเเต่งตั้ง ก็จะเกิดประเด็นวิจารณ์เรื่องการขาดความหลากหลายทางเชื้อชาติขึ้นอีก