กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานประจำปีว่าด้วยการลักลอบค้ามนุษย์ โดยระบุว่า การระบาดของโควิด-19 ยิ่งทำให้ปัญหาการลอบค้ามนุษย์ทั่วโลกรุนแรงขึ้น
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวว่า “รายงานเรื่องการลักลอบค้ามนุษย์ในปีนี้ได้ส่งสาส์นที่เข้มแข็งไปยังประเทศต่าง ๆ ว่า วิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก รวมทั้งการระบาดของโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ตลอดจนนโยบายและการกระทำที่เลือกปฏิบัติ ได้ส่งผลต่อบุคคลที่ถูกกดดันจากความอยุติธรรมต่าง ๆ อย่างไม่เท่าเทียม”
นายบลิงเคนยังเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ เพิ่มความพยายามและร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการแก้ไขปัญหาการลักลอบค้ามนุษย์
รายงานชิ้นนี้ระบวุ่า ระหว่างการระบาดใหญ่ของโควิด-19 รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ได้โยกย้ายทรัพยากรต่าง ๆ ไปใช้ในการควบคุมการระบาด ทำให้การแก้ปัญหาด้านอื่น ๆ รวมทั้งการป้องกันการลักลอบค้ามนุษย์ ด้อยประสิทธิภาพลง ในขณะที่บรรดาผู้ลักลอบค้ามนุษย์ก็พยายามปรับตัวเพื่อหาวิธีใหม่ ๆ ในการกระทำผิดเช่นกัน
รายงานดังกล่าวระบุถึงประเทศอินเดียและเนปาล ที่ซึ่งเด็กผู้หญิงต้องออกจากโรงเรียนเพื่อไปช่วยเหลือครอบครัวในช่วงที่เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจจากการระบาด หลายคนถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อแลกกับเงิน
ส่วนในสหรัฐฯ อังกฤษ และอุรุกวัย รายงานบอกว่า เจ้าของบ้านเช่าต่าง ๆ ใช้วิธีบังคับให้ผู้เช่าสตรีมีเพศสัมพันธ์กับตนแลกกับการจ่ายค่าเช่าในขณะที่พวกเธอได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19
ส่วนที่เฮติ ไนเจอร์ และมาลี บรรดาแก๊งค์อาชญากรรมฉวยโอกาสที่การรักษาความปลอดภัยตามค่ายผู้อพยพหละหลวมเนื่องจากการระบาด เพื่อบังคับให้สตรีในค่ายเหล่านั้นกลายเป็นแรงงานทางเพศ
ขณะที่เมียนมา ที่ซึ่งกำลังเกิดวิกฤติทางการเมือง รายงานระบุว่าครอบครัวต่าง ๆ มีรายได้ลดลง ทำให้สมาชิกในครอบครัวต้องขายแรงงานทางเพศอย่างไม่เต็มใจเช่นกัน