ชาวศรีลังกาบุกยึดสำนักงานประธานาธิบดีสองวันติดต่อกัน

Sri Lankans demanding President Gotabaya Rajapaksa resign over the debt-ridden country’s worst economic crisis protest outside the president's office in Colombo, April 10, 2022.

ผู้ประท้วงชาวศรีลังกาปิดทางเข้าสำนักงานประธานาธิบดีเป็นวันที่สองติดต่อกันในวันอาทิตย์ เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา แสดงความรับผิดชอบต่อวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในขณะนี้ด้วยการลาออกจากตำแหน่ง

ผู้ประท้วงหลายร้อยคนฝ่าสายฝนออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล และเรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ และหลีกทางให้คนรุ่นใหม่ขึ้นบริหารประเทศ

ความไม่พอใจของผู้ประท้วงมุ่งเป้าไปที่ครอบครัวราชปักษา ซึ่งนั่งในตำแหน่งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี และปกครองศรีลังกาในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยนักวิจารณ์ชี้ว่า ทั้งประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา และนายกรัฐมนตรีมหินธรา ราชปักษา กู้ยืมเงินมหาศาลจากต่างชาติเพื่อนำมาใช้ในโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกโดยกู้ยืมเงินมาจากจีน

ปัจจุบัน ศรีลังกากำลังใกล้เข้าสู่ภาวะล้มละลายเนื่องจากมีหนี้ระหว่างประเทศราว 25,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีกำหนดชำระหนี้ภายในปีนี้เกือบ 7,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทางการศรีลังกามีกำหนดหารือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ในเดือนนี้ รวมทั้งกำลังกู้ยืมเงินฉุกเฉินจากจีนและอินเดียสำหรับซื้ออาหารและเชื้อเพลิงด้วย

หลายเดือนที่ผ่านมา ชาวศรีลังกาต่างเข้าคิวยาวเพื่อรอซื้อเชื้อเพลิง ก๊าซหุงต้ม อาหารและยา ที่ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ขณะที่ปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิงทำให้รัฐบาลต้องตัดไฟฟ้าเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน

อิทธิพลทางการเมืองของตระกูลราชปักษา ส่วนหนึ่งมาจากบทบาทของนายกรัฐมนตรีมหินทรา ราชปักษา เมื่อครั้งที่เขาเคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีศรีลังกา ช่วงปี 2009 จากผลงานที่เขายุติสงครามกลางเมืองจากความขัดแย้งด้านชาติพันธุ์ที่กินเวลานานถึง 25 ปีได้

แต่ในตอนนี้ หลายฝ่ายเริ่มแสดงความกังวลว่า การกุมอำนาจทางการเมืองของตระกูลราชปักษาในกระทรวงสำคัญต่างๆ อาจกระทบกับความเป็นอิสระในการบริหารประเทศ และทำให้รัฐบาลไม่สามารถจัดการกับวิกฤตต่างๆ ที่ถาโถมศรีลังกาในเวลานี้ได้

ก่อนหน้านี้ ปธน.ราชปักษา ได้เสนอการจัดตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ เพื่อรับมือกับวิกฤตต่างๆ ในประเทศ แต่พรรคฝ่ายค้านปฏิเสธแนวคิดดังกล่าว และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะรัฐมนตรีจำนวนมากได้ประกาศลาออก ตามมาด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคร่วมรัฐบาลเกือบ 40 คนก็ประกาศลาออกเช่นกัน ซึ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากอย่างมีนัยสำคัญ