เผยเรื่องราวสะเทือนใจเบื้องหลังภาพถ่ายผู้อพยพกับลูกสาวเสียชีวิตขณะพยายามข้ามแม่น้ำเข้าสหรัฐฯ

Your browser doesn’t support HTML5

South American Immigrant Flight

ในภาพถ่าย ร่างของเด็กหญิงติดอยู่ด้านในเสื้อยืดของพ่อโดยเเขนข้างหนึ่งของเด็กรวบที่รอบคอของบิดา ท่วงท่าทางกายที่ร่างทั้งสองชี้ว่าตัวพ่อเเละลูกสาวกอดกันตอนที่จมน้ำ

ผู้สื่อข่าว Julia Le Duc เป็นคนถ่ายภาพนี้ เเละได้ตีพิมพ์ครั้งเเรกในหนังสือพิมพ์เม็กซิโก La Jornada เเละถูกเผยเเพร่ไปทั่วโลกหลังจากนั้น

Le Duc บอกว่า ชายในภาพคือ Óscar Alberto Martínez Ramírez กับลูกสาว Valeria ทั้งสองมาจาก El Salvador

Le Duc รายงานว่า Ramirez ได้พยายามข้ามเเม่น้ำสายนี้ที่ไหลตามเเนวชายเเดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ซึ่งเขาต้องทำเช่นนั้นหลังจากที่ไม่สามารถพาครอบครัวเข้าพบเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อขอลี้ภัย

ทีเเรก Ramirez ว่ายน้ำข้ามเเม่น้ำไปก่อนกับลูกสาว เเละเมื่อไปถึงฝั่งได้วางลูกสาวไว้บนริมฝั่งของสหรัฐฯ เเละขณะที่เขากำลังว่ายน้ำกลับไปฝั่งเม็กซิโกเพื่อช่วยภรรยาชื่อ Tania Vanessa Ávalos ข้ามเเม่น้ำ ลูกสาวได้กระโดดลงน้ำเพื่อพยายามไปหาพ่อ

Ramirez ว่ายน้ำกลับเเละจับตัวลูกสาวเอาไว้ได้ เเต่กระเเสน้ำที่เชี่ยวกรากดึงได้ร่างของคนทั้งสองไปกับลำเเม่น้ำ

SEE ALSO: ยูเอ็นระบุมีผู้อพยพเสียชีวิต-สูญหาย 32,000 คน ระหว่างการเดินทางในช่วง 5 ปี

Le Duc กล่าวว่ารายงานข่าวของเธอเป็นข้อมูลที่ได้จากตัวภรรยาของผู้เสียชีวิตที่บอกกับตำรวจที่มาสอบสวนในที่เกิดเหตุ

การค้นหาร่างของ Ramírez กับลูกสาวถูกล้มเลิกในค่ำวันอาทิตย์ ร่างของทั้งสองถูกพบในวันรุ่งขึ้นใกล้กับเมือง Matamoros ในเม็กซิโก อยู่ตรงข้ามกับเมือง Brownsville ของรัฐ Texas โดยห่างจากจุดที่ทั้งคู่พยายามว่ายน้ำข้ามฝั่งไปไม่กี่ร้อยเมตร เเละห่างจากสะพานนานาชาติที่เชื่อมสองประเทศไปเพียงหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น

Tania Vanessa Ávalos ภรรยาของ Óscar Alberto Martínez Ramírez ชายผู้จมน้ำเสียชีวิตพร้อมลูกสาวขณะพยายามข้ามแม่น้ำเข้าไปยังสหรัฐฯ

จากทะเลทราย Sonoran Desert ที่ร้อนจัด ไปจนถึงเเม่น้ำ Rio Grande ที่ไหลเชี่ยวกรากที่ชายเเดนสหรัฐฯ กับเม็กซิโก การเดินทางข้ามชายเเดนเต็มไปด้วยอันตราย

เมื่อปีที่แล้ว ผู้อพยพ 283 คนเสียชีวิตขณะพยายามข้ามชายเเดนเเห่งนี้

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเด็กทารกสองคน เด็กเล็กหนึ่งคนเเละผู้หญิงหนึ่งคนที่พบเสียชีวิตจากความร้อนเเละในเดือนเมษายน มีเด็กสามคนเเละผู้ใหญ่หนึ่งคนจาก Honduras เสียชีวิตหลังจากเรือลำเล็กที่นั่งมาล่มในเเม่น้ำ Rio Grande

Rosa Ramírez ผู้เป็นเเม่ บอกว่าลูกชายของตนกับครอบครัวเดินทางออกจาก El Salvador ในวันที่ 3 เมษายน ตนเองได้ร้องขอไม่ให้ไป เเต่ลูกชายอยากไปเก็บเงินเพื่อกลับมาสร้างบ้าน เธอบอกว่าลูกชายกับครอบครัวหวังว่าจะไปทำงานในสหรัฐฯ เพียงไม่กี่ปีเท่านั้นเพื่อเก็บเงินสร้างบ้าน

ภาพแม่น้ำริโอ แกรนด์ มองจากฝั่งอเมริกา ตรงจุดที่ Óscar Alberto Martínez Ramírez และลูกสาวของเขาจมน้ำเสียชีวิต

บรรดาเจ้าหน้าที่เม็กซิโกกล่าวว่า ครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้เดินทางถึงเมืองมาทามอรอส (Matamoros) เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน เเละได้ไปที่สถานกงสุลสหรัฐฯ เพื่อพยายามขอนัดวันเพื่อขอลี้ภัย เเต่ต้องรอนานมาทั้งที่สถานกงสุลเเละที่ชายเเดน

เมื่อสัปดาห์ที่เเล้ว ผู้อำนวยการของศูนย์พักพิงกล่าวว่า สหรัฐฯ สามารถจัดการสัมภาษณ์ได้เพียง 40 - 45 รายเท่านั้นในเมือง Matamoros เเละมีคนรออยู่ประมาณหนึ่งพันคน

Le Duc ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า เธอได้เขียนในรายละเอียดเกี่ยวกับจุดที่พบศพ ว่าภาพของเด็กหญิงที่เเขนข้างหนึ่งรวบไว้รอบคอบิดาทำให้เธอสะเทือนใจมากที่สุด เพราะเเสดงว่าทั้งคู่กอดกันจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

มอรีน เมเยอร์ (Maureen Meyer) เเห่งหน่วยงานพิทักษ์สิทธิ์มนุษยชน Washington Office on Latin America กล่าวว่า ภาพถ่ายของผู้เสียชีวิตทั้งสองชี้ให้เห็นชัดเจนถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่เป็นผลพวงจากข้อจำกัดของฝ่ายสหรัฐฯ ว่าจะรับคนเข้าขอลี้ภัยได้เพียงวันละกี่ราย ตลอดจนการส่งคนที่ขอลี้ภัยกลับเม็กซิโก

(เรียบเรียงโดย ทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)