Your browser doesn’t support HTML5
ในตอนเช้าๆ ที่โรงเรียนประถม Paw Paw Early Elementary School ที่อยู่ในแถบชนบททางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐมิชิแกน จะมีนักสังคมสงเคราะห์คนหนึ่งกับสุนัขบำบัดขนาดเล็กชื่อ ทริกซี่ (Trixie) ยืนคอยทักทายอยู่ที่ประตูทางเข้า โดยบรรดาเด็กๆ ที่สวมหน้ากากอนามัยและวิ่งลงจากรถโรงเรียนในตอนเช้าที่อากาศหนาวเย็นนั้น บ้างก็ก้มตัวลูบหัวเจ้าลูกสุนัขขนฟูก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างในโรงเรียน
เช่นเดียวกับเด็กๆ ตามเมืองน้อยใหญ่ทั่วโลก เยาวชนในเขตการศึกษา Van Buren Intermediate School District ของรัฐมิชิแกน ได้ผ่านอะไรมามากมายในช่วงสองปีที่ผ่านมา และการระบาดใหญ่ที่ยังไม่จบไม่สิ้นทำให้ชั้นเรียนต่างๆ ต้องหยุดชะงัก เพื่อนฝูงและบุคคลอันเป็นที่รักต้องเจ็บป่วย และทำให้บางครอบครัวต้องตกงานและไร้ที่อยู่อาศัย
นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนพยายามฆ่าตัวตายสามคนในเคาน์ตี้ ตั้งแต่กลับมาเปิดเรียนในชั้นเรียนเต็มเวลาอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วงนี้ และมีนักเรียนสองคนฆ่าตัวตายเมื่อปีที่แล้ว และในตอนนี้ มีเหตุการณ์กราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่โรงเรียนซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 2-3 ชั่วโมง
ด้วยเงินช่วยเหลือวิกฤตโควิดจากรัฐบาลกลาง และกองทุนของรัฐในปีนี้ บวกกับความเชื่อของเจ้าหน้าที่โรงเรียนในท้องถิ่นว่าเด็กๆ จะไม่สามารถประสบความสำเร็จด้านวิชาการได้หากพวกเขาประสบปัญหาทางด้านอารมณ์
นักเรียนกว่า 15,000 คนของเขตการศึกษา Van Buren จึงได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมเป็นพิเศษ โดยการเปิดตัวโปรแกรมการศึกษาตามหลักจิตวิทยาสมัยใหม่เพื่อการบำบัดพฤติกรรมด้านการรับรู้ ซึ่งถูกรวมอยู่ในหลักสูตรและเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์
ทั้งนี้ นักเรียนทุกระดับชั้นจะถูกสอนว่า ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมเชื่อมโยงกันอย่างไร และการเรียนรู้วิธีควบคุมและปรับความคิดใหม่จะนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงบวกได้อย่างไร โดยโปรแกรมนี้ได้รวมบทเรียนที่เข้มข้นขึ้นสำหรับเด็กที่มีปัญหาเรื่องความวิตกกังวล อาการซึมเศร้า หรือความบอบช้ำทางจิตใจ ไปพร้อมๆ กับวิธีการป้องกันการฆ่าตัวตาย ขณะที่ เจ้าหน้าที่ของเขตการศึกษาทุกคนก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ในขณะที่โรงเรียนในสหรัฐฯ และที่อื่นๆ สอนทักษะการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์มากขึ้น หลายๆ แห่งใช้วิธีการเข้าหานักเรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยการสร้างชั้นเรียนสำหรับการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึก หรือเน้นความสนใจเฉพาะกับเด็กที่มีปัญหามากที่สุด
แต่ยังมีโรงเรียนหลายๆ ที่แห่งขาดเงินทุนและทรัพยากรที่จะใช้วิธีการนี้ ซึ่งโรงเรียน Paw Paw และโรงเรียนอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงพยายามนำมาใช้ และนั่นก็คือ การใช้วิธีที่มีหลักฐานทางจิตวิทยาเป็นพื้นฐานในหลักสูตร
โอลกา อะคอสตา ไพรซ์ (Olga Acosta Price) ผู้อำนวยการศูนย์ระดับชาติ Center for Health and Health Care in Schools กล่าวว่า การเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์อย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบางช่วงเวลาของวันหรือกับบางคนเท่านั้น แต่ควรจะสะท้อนให้เห็นในการดำเนินงานและการปฏิบัติของโรงเรียนทั้งหมด และว่า การหยุดชะงักต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการระบาดใหญ่ ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องมีแนวทางดังกล่าวในตอนนี้มากกว่าที่ผ่านๆ มา
เอริค คลาร์ค (Eric Clark) ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรม ซึ่งร่วมสอนนักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งกล่าวว่า โปรแกรมที่เน้นด้านจิตวิทยาที่เขตการศึกษาของเขาใช้ในการรับมือกับปัญหาท้าทายในขณะนี้มีชื่อเรียกว่า “TRAILS” ที่สร้างขึ้นโดยมหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกน (University of Michigan)
การศึกษาพบว่า โปรแกรมการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์สามารถช่วยพัฒนาผลการเรียน พฤติกรรมในห้องเรียน และการจัดการกับความเครียดได้ นอกจากนี้ การวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าการใช้โปรแกรม TRAILS สำหรับเด็กที่มีความเสี่ยงนั้น สามารถลดภาวะซึมเศร้าและช่วยพัฒนาทักษะด้านการเผชิญปัญหาได้
อลิซาเบธ โคชแมนน์ (Elizabeth Koschmann) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกน ผู้พัฒนาโปรแกรมนี้กล่าวว่า โรงเรียนในสหรัฐฯ เกือบ 700 แห่งได้จ่ายเงินทำสัญญาเพื่อรับการช่วยเหลือและนำโปรแกรมนี้ไปใช้ในโรงเรียนของตน โดยเว็บไซต์ของบริษัทยังให้บริการสื่อออนไลน์ฟรีซึ่งมีการดาวน์โหลดมากกว่า2,000 ครั้งต่อวัน และมีผู้ใช้โปรแกรมนี้มาจากทั่วทุกมุมโลก ขณะที่ การดาวน์โหลดเหล่านี้มีอัตราที่สูงขึ้นมากในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19
โคชแมนน์ กล่าวด้วยว่า โรงเรียนต่างๆ ติดต่อมาที่เธอเกือบทุกวันเพื่อสอบถามว่า พวกเขาจะสามารถรับมือกับนักเรียนที่มีสภาพจิตใจย่ำแย่ เจ้าหน้าที่ที่สูญเสียขวัญและกำลังใจและประสบกับภาวะหมดไฟอย่างมาก มีเพียงความรู้สึกหมดแรง และสิ้นหวัง ได้อย่างไร
ทั้งนี้ หลักฐานที่สนับสนุนความจำเป็นในการให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของนักเรียนให้มากขึ้นนั้นมีอยู่มากมาย
ห้องฉุกเฉินตามโรงพยาบาลทั่วสหรัฐฯ มีจำนวนของเด็กที่มีปัญหาสุขภาพจิต รวมถึงพฤติกรรมฆ่าตัวตาย ภาวะซึมเศร้า และความผิดปกติในเรื่องการกิน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และนักบำบัดสุขภาพจิตในเด็กนั้นหายากในหลายๆ พื้นที่ และเด็กๆ มักจะต้องรอรับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกนานเป็นเดือนๆ เลยทีเดียว
นายแพทย์ วิเวก เมอร์ธี (Vivek Murthy) แพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ อ้างถึงงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า อาการซึมเศร้าและวิตกกังวลเพิ่มขึ้นสองเท่าในหมู่เยาวชนทั่วโลกในช่วงการระบาดใหญ่ และกล่าวว่า การขยายโปรแกรมด้านสุขภาพจิตตามโรงเรียนจึงเป็นหนึ่งในคำแนะนำของเขา
(ที่มา: สำนักข่าวเอพี)