สู้กลับ! รัสเซียโหมโจมตีโต้ยูเครน หลังเคียฟบุกยึดดินแดนแคว้นเคิร์สก

รถหุ้มเกราะยูเครนมุ่งหน้ามาจากพรมแดนรัสเซีย ในแคว้นซูมี 13 ส.ค. 2024 (Photo by Roman PILIPEY / AFP)

รัสเซียโหมโต้กลับกองทัพยูเครนด้วยขีปนาวุธ โดรน และการโจมตีทางอากาศ ตามการเปิดเผยของหนึ่งในผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพรัสเซีย หลังจากกองทัพยูเครนโจมตีครั้งใหญ่ในดินแดนรัสเซียเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่สงครามที่รัสเซียส่งทหารรุกรานยูเครนเริ่มต้นขึ้น

กองทัพยูเครนเข้าถล่มพรมแดนรัสเซียเมื่อสัปดาห์ก่อน ในการโจมตีที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ซึ่งทางประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวว่าเป็นการสู้รบที่มุ่งเป้าเพิ่มอำนาจการต่อรอง ก่อนการเจรจาระหว่างกันที่อาจเกิดขึ้น และทำให้การรุกคืบของกองทัพรัสเซียในยูเครนล่าช้าลงไปเท่านั้น

ยูเครนยึดครองพื้นที่บางส่วนในดินแดนรัสเซีย ซึ่งสะท้อนความอ่อนแอของการป้องกันพรมแดนของรัสเซียและทำให้รัฐบาลแดนหมีขาวต้องสั่งอพยพประชาชนในพื้นที่อย่างน้อย 200,000 คน และระดมพลกำลังสำรอง รวมทั้งออกมาตรการล็อกดาวน์ด้านความมั่นคงเพื่อรับมือ

บล็อกเกอร์ด้านสงครามของรัสเซีย รายงานการโจมตีอย่างดุเดือดบริเวณแนวหน้าการสู้รบในแคว้นเคิร์สก ระหว่างที่กองทัพยูเครนพยายามเข้ายึดเมืองเพิ่มเติม แม้ว่ากองทัพยูเครนจะระบุว่ารัสเซียนำกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าสกัดการโจมตีของยูเครนในพื้นที่อยู่หลายจุด

กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้เผยแพร่คลิปของเครื่องบินทิ้งระเบิด Sukhoi Su-34 โจมตีในสิ่งที่กองทัพรัสเซียเรียกว่าเป็นทหารยูเครนในแคว้นเคิร์สก และกองพบทหารราบที่รุกเข้าไปยังพิกัดที่กองทัพยูเครนปักหลักอยู่ในแคว้นเคิร์สก

ผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษเชเชน อัคห์มัต พลตรี อัพตี อลาดินอฟ กล่าวว่า “ศัตรูรู้อยู่แล้วว่าการโจมตีแบบสายฟ้าแลบที่ได้วางแผนเอาไว้ไม่ได้ผล”

ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าฝั่งใดเข้าควบคุมเมืองซุดซาห์ ซึ่งเป็นเมืองที่รัสเซียใช้ส่งก๊าซธรรมชาติจากไซบีเรียตะวันตกไปยังยูเครน สโลเวเนีย รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป โดยทางก๊าซพรอม บริษัทก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของรัสเซีย เผยเมื่อวันอังคารว่ายังสามารถจ่ายก๊าซไปยังยูเครนผ่านเมืองดังกล่าวได้

อเล็กเซ สเมอร์นอฟ รักษาการผู้ว่าการแคว้นเคิร์สก กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่ายูเครนเข้ายึด 28 เมืองและหมู่บ้านในแคว้นดังกล่าว และยูเครนรุกคืบเข้ามาลึก 12 กิโลเมตร และเป็นอาณาเขตกว่า 40 กิโลเมตรเป็นอย่างน้อย ขณะที่ฝั่งยูเครนเผยในวันเดียวกันว่าเข้าควบคุมพื้นที่ 1,000 ตารางกิโลเมตรของรัสเซีย ซึ่งมากกว่าที่สเมอร์นอฟระบุไว้ อย่างไรก็ตาม ทางรอยเตอร์ไม่สามารถยืนยันเรื่องดังกล่าวได้

กระตุกหนวดหมีขาว

ยูเครนเดิมพันบนการรุกเข้าในไปดินแดนของมหาอำนาจนิวเคลียร์โลก ซึ่งนำความเสี่ยงให้กับทั้งกรุงเคียฟและกรุงมอสโก

หลังจากรัสเซียส่งทหารรุกรานยูเครนเมื่อปี 2022 ชาติตะวันตกกล่าวว่าจะช่วยยูเครนต่อสู้กับกองทัพรัสเซียและขับไล่ทหารเหล่านี้ออกจากยูเครน ซึ่งทำให้ยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่ส่วนใหญ่ได้ในปีนั้น แต่การโจมตีโต้กลับของยูเครนในปี 2023 กลับล้มเหลวในการต้านทานรัสเซีย และกองทัพแดนหมีขาวรุกคืบอย่างหนักในดินแดนยูเครนในปีนี้

ปธน.ปูติน ประกาศกร้าวในวันจันทร์ว่ารัสเซียจะขับทหารยูเครนออกจากไปพื้นที่ และให้คำมั่นว่าจะมี “การตอบโต้อย่างสาสม” กับยูเครน โดยกล่าวว่ากองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบในพื้นที่แนวหน้าอื่น ๆ ในขณะนี้

ระหว่างที่รัสเซียเข้าควบคุมพื้นที่ราว 20% ของยูเครนในสงครามนี้ แต่การที่ต่างชาติบุกเข้ามายึดดินแดนรัสเซียได้สร้างความอับอายให้แก่กองทัพรัสเซียและกับปูติน ซึ่งดูเหมือนจะหมดความอดทนอย่างเห็นได้ชัดในการประชุมเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเมื่อวันจันทร์

ฝั่งประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวเมื่อค่ำวันจันทร์ว่า ปฏิบัติการในรัสเซียเป็นไปเพื่อความมั่นคงของยูเครน และแคว้นเคิร์สกถูกใช้เป็นพื้นที่โจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธมาหลายครั้ง พร้อมกับกล่าวในวิดีโอผ่านสื่อสังคมออนไลน์เทเลแกรมว่า “รัสเซียหยิบยื่นสงครามไปให้ผู้อื่น ตอนนี้มันกำลังมุ่งหน้ากลับไปหาแล้ว”

แต่การระดมกำลังโจมตีแคว้นเคิร์สก ได้เปิดช่องโหว่ทางการทหารในแนวหน้าหลายพิกัดในยูเครนที่รัสเซียกำลังรุกคืบอย่างหนัก และรัสเซียมีกองทัพที่ใหญ่กว่ายูเครนอยู่มาก ซึ่งสามารถเข้าปิดล้อมกองกำลังของยูเครนได้

บรรดาชาติตะวันตกที่ให้การสนับสนุนยูเครน ในขณะที่พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซีย ต่างระบุว่าไม่ได้รับคำเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับการโจมตีแคว้นเคิร์สกแต่อย่างใด

ปธน.ปูติน กล่าวว่าชาติตะวันตกใช้ยูเครนเพื่อก่อสงครามตัวแทนกับรัสเซีย และการบุกรุกพรมแดนถือเป็นความพยายามในการบั่นทอนเสถียรภาพภายในของรัสเซีย ด้านหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวว่า ปธน.เซเลนสกีกำลังเดินหน้าอย่างบ้าคลั่งที่นำไปสู่ความเสี่ยงต่อการยกระดับความขัดแย้งให้ขยายวงกว้างกว่าพรมแดนยูเครน

สถานการณ์ที่แคว้นเคิร์สก ประชาชน 121,000 คนอพยพออกจากพื้นที่ไปแล้ว และอีก 59,000 คนยังอยู่ในกระบวนการเตรียมอพยพ ตามการเปิดเผยของทางการท้องถิ่นของรัสเซีย ส่วนที่แคว้นเบลโกรอดที่อยู่ใกล้เคียง มีการอพยพประชาชน 11,000 คนเช่นกัน

  • ที่มา: รอยเตอร์