ทำเนียบขาวเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า มีหลักฐานใหม่ที่ชี้ว่ารัสเซียกำลังมองหาลู่ทางนำเข้าอาวุธจากเกาหลีเหนือเพื่อใช้ในสงครามกับยูเครน โดยอาจเสนออาหารและสินค้าจำเป็นอื่น ๆ ให้แก่กรุงเปียงยางเป็นการแลกเปลี่ยน
จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่า "ภายใต้ข้อเสนอดังกล่าว รัสเซียจะได้รับอาวุธและกระสุนมากกว่า 20 ชนิดจากกรุงเปียงยาง" และ "เราเข้าใจว่ารัสเซียกำลังหาทางส่งผู้แทนไปยังเกาหลีเหนือ และเสนออาหารให้แก่เกาหลีเหนือเพื่อแลกเปลี่ยนกับกระสุน"
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานข่าวกรองที่แสดงหลักฐานว่า อิหร่านขายโดรนโจมตีให้แก่รัสเซียเมื่อปีที่แล้ว และกลุ่มทหารรับจ้าง แวกเนอร์ กรุ๊ป ได้สั่งซื้ออาวุธจากเกาหลีเหนือเพื่อนำไปใช้ในการต่อสู้กับยูเครน
นักวิเคราะห์เชื่อว่า สถานการณ์ด้านอาหารในเกาหลีเหนือกำลังอยู่จุดเลวร้ายที่สุดในช่วง 11 ปีภายใต้การปกครองของผู้นำคิม จอง อึน แต่ทางการเกาหลีเหนือยืนยันว่าไม่มีสัญญาณของภัยแล้งและการเสียชีวิตของประชากรจำนวนมากแต่อย่างใด โดยผู้นำคิมรับปากว่าจะเพิ่มการควบคุมภาคการเกษตรและใช้มาตรการเพิ่มผลผลิตเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวเมื่อเดือนที่แล้ว อ้างอิงรายงานข่าวกรองอเมริกันว่า จีนกำลังพิจารณาจัดหาอาวุธและกระสุนให้แก่รัสเซีย แม้ว่าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุเองว่ายังไม่เห็นหลักฐานว่าจีนจัดส่งอาวุธให้แก่รัสเซียจริง
การเปิดเผยเรื่องความพยายามของรัสเซียในการนำเข้าอาวุธจากเกาหลีเหนือถือเป็นตัวอย่างล่าสุดที่รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัดของรายงานข่าวกรองต่าง ๆ และเผยแพร่ออกมาในช่วงที่เกิดสงครามในยูเครน โดยให้เหตุผลว่าจะทำให้สาธารณชนตระหนักถึงสิ่งที่รัสเซียทำอยู่มากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ในวันพฤหัสบดี กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการลงโทษต่อ อาชอต มเคอร์ทีเชฟ ชาวสโลวะเกียผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวกลางในการทำข้อตกลงด้านอาวุธระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย
รายงานระบุว่า ในช่วงปลายปีที่แล้วถึงต้นปีนี้ มเคอร์ทีเชฟทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเพื่อขายอาวุธและกระสุนมากกว่า 20 ชนิดให้กับรัสเซีย แลกกับเครื่องบินโดยสาร วัตถุดิบและสินค้าต่าง ๆ ให้แก่กรุงเปียงยาง
รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ แจเน็ต เยลเลน แถลงว่า รัสเซียสูญเสียอาวุธหนักไปแล้วมากกว่า 9,000 ชิ้นในสงครามกับยูเครน และมาตรการลงโทษที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตกนำมาใช้ส่งผลให้รัสเซียประสบปัญหาในการหาอาวุธมาทดแทน และกรณีของนักค้าอาวุธชาวสโลวะเกียผู้นี้แสดงให้เห็นว่ารัสเซียต้องหันหาแหล่งจัดหาอาวุธแหล่งสุดท้าย คืออิหร่านและเกาหลีเหนือ
- ที่มา: รอยเตอร์