หน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย (Federal Security Service – FSB) เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า เจ้าหน้าที่ของตนยิงชายชาวเบลารุสรายหนึ่งเสียชีวิต เนื่องจากชายคนดังกล่าวมีแผนจะจุดระเบิดภายในอาคารฝ่ายบริหารแห่งหนึ่งในเขตปกครองคาเรเลีย ทางเหนือของรัสเซีย โดยอ้างด้วยว่า เป็นการวางระเบิดที่ทำในนามของยูเครน
FSB กล่าวด้วยว่า มือระเบิดที่ว่ามีแผนจะใช้ระเบิดแสวงเครื่องเพื่อดำเนินปฏิบัติการโจมตีเมืองโอโลเนตส์ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนรัสเซีย-ฟินแลนด์ราว 250 กิโลเมตรด้วย
หน่วยงานแห่งนี้ยังเปิดเผยคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นภาพขณะที่เจ้าหน้าที่รัสเซียทำการปิดล้อมอาคารแห่งหนึ่งในพื้นที่ห่างไกล ก่อนจะเริ่มทำการยิงเข้าใส่ และตามมาด้วยคลิปวิดีโอของร่างคน ๆ หนึ่งบนพื้น
เจ้าหน้าที่ยูเครนยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของ FSB ขณะจัดทำรายงานข่าวนี้
และเมื่อวันพุธ เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นทั่วเมืองโอเดสซาทางใต้ของยูเครน ขณะที่ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี และนายกรัฐมนตรีคิเรียอาคอส มิทโซทาคิส แห่งกรีซ กำลังสรุปการเดินทัวร์พื้นที่ที่ถูกทำลายในสงครามยูเครน-รัสเซียซึ่งดำเนินมากว่า 2 ปีนี้
ผู้นำกรีซกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทั้งหมดกำลังขึ้นรถกันอยู่ ขณะที่ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น และระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็น “เครื่องเตือนใจอันชัดแจ้ง” ว่า โอเดสซาตกอยู่ภาวะสงครามกับรัสเซียอยู่จริง
นายกฯ มิทโซทาคิส กล่าวด้วยว่า การได้ยินเสียงเรื่องของสงครามนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง และ “การได้ประสบการณ์โดยตรงกับตัวเองเป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิง”
ประธานาธิบดีเซเลนสกี เปิดเผยว่า เหตุระเบิดดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งและบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “คุณได้เห็นแล้วว่า เรากำลังรับมือใครอยู่ พวกเขาไม่สนใจเลยว่าจะโจมตีจุดใด”
ผู้นำยูเครนเดินทางเยี่ยมเมืองและที่ตั้งกำลังทหารต่าง ๆ ที่แนวหน้าของการรบเป็นประจำ โดยปิดการเดินทางเป็นความลับเสมอจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจนั้น ๆ ขณะที่ ผู้นำต่างชาติก็เดินทางมาเยือนยูเครนกันหลายครั้งแล้ว โดยส่วนใหญ่จะมาที่กรุงเคียฟ และบางครั้ง บางคนก็ถูกพาไปยังที่หลบภัยในกรณีที่มีเสียงไซเรนเตือนการโจมตีทางอากาศดังขึ้น
เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป โพสต์ข้อความทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) และเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็น “การโจมตีที่เลวทราม” ในช่วงการเยือนของผู้นำกรีซ และระบุว่า นี่คือ “ความพยายามสร้างความหวาดกลัวครั้งใหม่” โดยรัสเซียด้วย
- ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์