Your browser doesn’t support HTML5
เรือผู้อพยพชาวโรฮิงจะและชาวบังคลาเทศเข้าเทียบท่าชายฝั่งจังหวัดอาเจะ ของอินโดนีเซีย หลังลอยลำในทะเลมานานหลายสัปดาห์
นี่คือส่วนหนึ่งของมาตรการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ อินโดนีเซียและมาเลเซียได้ข้อตกลงร่วมกันในการตัดสินใจให้ที่พักพิงชั่วคราวแก่ผู้อพยพหลายพันคนที่ลอยลำอยู่กลางทะเลและไม่มีประเทศใดรับพวกเขาขึ้นฝั่งมาก่อนหน้านี้
หนึ่งในเรือผู้อพยพที่ขึ้นฝั่งในอินโดนีเซียหลายลำ มีเรือลำเดียวกับที่ทางการไทยเพิ่งให้การช่วยเหลือซ่อมเครื่องยนต์ เติมน้ำมัน และมอบเสบียงอาหาร ก่อนจะผลักดันสู่น่านน้ำสากลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารวมอยู่ด้วย
นาวาตรี วีรพงษ์ นาคประสิทธิ์ ผู้บังคับหน่วยบัญชาการต่อสู่อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 491 กองทัพเรือภาคที่ 3ย้ำว่า นโยบายของทางการไทยที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเบื้องต้นเป็นลำดับแรก
Your browser doesn’t support HTML5
ผู้สังเกตการณ์คาดว่ายังคงมีผู้อพยพหลายพันคนถูกกักขังอยู่บนเรือของกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์เลียบตตามชายฝั่งเพื่อหลบเลี่ยงที่จะถูกตรวจพบ ดังนั้นกลุ่มองค์กรเอกชนจากนานาชาติจึงเข้าร่วมออกปฏิบัติการค้นหา ด้วยความหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือชาวโรฮิงจะที่กำลังหิวโหยและอดอยากหลังออกเดินเรือหนีการถูกกดขี่ทางศาสนาในพม่ามากลางทะเล
Mathew Smith องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน บอกว่า พม่าควรถูกลดอันดับให้ไปอยู่กลุ่มที่ 3 หรือกลุ่มต่ำสุดในการจัดอันดับประเทศในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปีของสหรัฐฯ เพราะว่าปัญหาการค้ามนุษย์ในพม่าได้กลายเป็นปัญหาลุกลามจนยากจะแก้ไข นอกจากนี้ยังพบว่าบรรดาผู้อพยพชาวโรฮิงจะจากพม่าทั้งหมดนั้น ล้วนมีความเกี่ยวพันกับกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ในพม่าทั้งสิ้น
เด็กชาย Muhamid Abdul ชาวโรฮิงจะวัย 13 ขวบ ที่รอดชีวิตจากเรือของขบวนการค้ามนุษย์ลำหนึ่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือ บอกว่า สภาพความเป็นอยู่บนเรือที่โดยสารมานั้นเลวร้ายมากๆ โดยเฉพาะกับเด็กๆที่ติดสอยห้อยตามพ่อแม่ออกมาใช้ชีวิตแร้นแค้นกลางทะเล
เด็กชายชาวโรฮิงจะ บอกว่า พวกเขาจะถูกพวกค้ามนุษย์บังคับให้แออัดอยู่ใต้ท้องเรือ โดยไม่มีทางได้น้ำและอาหารและหากร้องขอก็จะถูกการ์ดบนเรือทำร้าย แน่นอนว่ามีหลายคนเสียชีวิตเพราะถูกทุบตี และเขาเห็นกับตาว่ามีร่างของหลายคนรวมทั้งเด็กๆถูกโยนทิ้งลงทะเล
มีรายงานระบุว่ายังมีเรือที่เต็มไปด้วยชาวโรฮิงจะออกเดินทางออกจากพม่าอย่างไม่ขาดสาย จนหลายคนแสดงความกังวลว่าประเทศปลายทางอาจจะต้องรับมือกับจำนวนผู้อพยพอย่างไม่มีที่สิ้นสุด