ธุรกิจค้าปลีกต่าง ๆ ในสหรัฐฯ เริ่มต้นฤดูกาลแห่งการช้อปปิ้งปลายปีในวันพฤหัสบดีด้วยกันนำเสนอส่วนลดและโปรแกรมดึงดูดต่าง ๆ มากมาย แต่ผู้บริหารธุรกิจหลายคนก็กำลังกังวลว่า เศรษฐกิจของประเทศอาจกำลังเผชิญกับภาวะที่ผู้บริโภคจับจ่ายน้อยลงซึ่งจะมีผลกับยอดขายในวันหลังวันขอบคุณพระเจ้า รวมทั้งช่วงที่เหลือของปีนี้ด้วย ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
ที่ผ่านมา บรรดานักช้อปในอเมริกาไม่ได้สะทกสะท้านไปกับสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างที่ผลสำรวจความคิดเห็นหลายแห่งรายงานมา โดยเรื่องนี้เป็นอานิสงส์ของตลาดแรงงานที่มีอัตราว่างงานต่ำ อัตราค่าแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาวะเงินเฟ้อก็เริ่มอ่อนตัวลงบ้าง แม้ราคาสินค้าและบริการบางรายการ เช่น เนื้อสัตว์และค่าเช่า ยังคงสูงกว่าระดับเมื่อสามปีก่อนก็ตาม
อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นจากตัวเลขเงินฝากที่ลดลงและตัวเลขหนี้บัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้น พร้อม ๆ กับภาวะเงินเฟ้อที่ยังไม่อ่อนตัวลงมากนัก
รายงานข่าวระบุว่า บรรดานักช้อปเริ่มลดการใช้จ่ายลงตั้งแต่เดือนตุลาคม ส่งผลให้ตัวเลขค้าปลีกที่ขยายตัวติดต่อกันถึง 6 เดือนต้องชะงักลงไปแล้ว
ข้อมูลในรายงานประจำไตรมาสล่าสุดของบริษัทค้าปลีกชั้นนำ อย่างเช่น วอลมาร์ท (Walmart) และ เบสท์บาย (Best Buy) แสดงให้เห็นว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคนั้นอ่อนตัวลงไปเรียบร้อยแล้ว
สมาพันธ์ธุรกิจค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation - NRF) ซึ่งเป็นองค์กรการค้าปลีกขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ คาดว่า นักช้อปน่าจะควักเงินซื้อของในปีนี้ในระดับสูงกว่าปีที่แล้ว แต่อัตราการใช้จ่ายจะชะลอตัวลง เนื่องจากภาวะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ
NRF คาดการณ์ว่า ยอดขายในสหรัฐฯ ตลอดช่วงสิ้นปีนี้จะขยายตัว 3%-4% ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนธันวาคม ซึ่งต่ำกว่าอัตราการขยายตัว 5.4% เมื่อปีที่แล้ว แต่เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 3.6% ในช่วงปี 2010-2019 หรือ ก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19
-
ที่มา: เอพี