ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เป็นเจ้าภาพการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เป็นวันที่สอง หลังจากเมื่อวันจันทร์ ปูตินแสดงความยินดีต่อแผนสันติภาพของจีนที่จะนำไปสู่การหยุดยิงในยูเครน และส่งสัญญาณไปยังชาติตะวันตกต่อสิ่งที่เรียกว่า "ความสัมพันธ์ไร้ขีดจำกัด" ของรัสเซียกับจีน
ผู้นำรัสเซียและจีนร่วมลงนามใน 'สนธิสัญญาความเป็นพันธมิตรด้านยุทธศาสตร์' ฉบับใหม่ พร้อมเรียกร้องให้มีการใช้แนวทางทางการทูตต่อสงครามในยูเครน ซึ่งทางปูตินระบุว่า ยังไม่มีสัญญาณว่าทางยูเครนและชาติตะวันตกพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ
หลังจากการเจรจาผ่านไปสองวัน ปูตินกล่าวหาสหรัฐฯ และชาติตะวันตกว่า ใช้ยูเครนต่อสู้จนถึงประชาชนคนสุดท้าย และได้ยกย่อง "จุดยืนที่เป็นกลางของจีน" ในสงครามครั้งนี้ พร้อมกล่าวถึงการหารือกับประธานาธิบดีสีว่า "เปิดเผยและเป็นมิตร" โดยมีจุดมุ่งหมายกระชับความสัมพันธ์ไร้ขีดจำกัดตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อปีที่แล้วก่อนที่รัสเซียจะส่งกำลังทหารบุกยูเครน
เอกสารที่ปูตินและสีลงนามร่วมกันนั้นเรียกว่า "ความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์" ระหว่างสองประเทศ รวมถึงการสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังจีน โดยประธานาธิบดีปูตินกล่าวด้วยว่า พร้อมที่จะช่วยเหลือบริษัทจีนให้เข้ามาแทนที่บริษัทของชาติตะวันตกที่ถอนธุรกิจออกไปจากรัสเซียหลังการรุกรานยูเครน
กระทรวงการต่างประเทศจีนมีแถลงการณ์ว่า "รัสเซียและจีนต่างเชื่อว่าควรมีการปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติและกฎหมายสากล" แต่มิได้ระบุให้รัสเซียถอนกำลังออกจากยูเครนหรือดินแดนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นของยูเครน
ก่อนหน้านี้ จีนเสนอ "แผน 12 ส่วน" เพื่อลดความขัดแย้งและนำไปสู่การหยุดยิงในยูเครน ซึ่งชาติตะวันตกปฏิเสธแผนดังกล่าวเพราะจะเป็นการยอมรับดินแดนของยูเครนที่รัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตน รวมทั้งแคว้นไครเมีย และดินแดนที่รัสเซียยึดไว้ระหว่างการรุกรานยูเครนในช่วง 13 เดือนที่ผ่านมา
ปูตินกล่าวว่า "เราเชื่อว่าบทบัญญัติหลายอย่างในแผนสันติภาพที่จีนเป็นผู้ผลักดันนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่รัสเซียกระทำ และสามารถใช้เป็นพื้นฐานของข้อตกลงสันติภาพเมื่อชาติตะวันตกและกรุงเคียฟพร้อม อย่างไรก็ตามเรายังไม่เห็นสัญญาณของความพร้อมนั้นในขณะนี้"
ทางด้านรัฐบาลกรุงเคียฟกล่าวยินดีต่อท่าทีทางการทูตของปักกิ่ง แต่ยืนยันว่ารัสเซียต้องถอนกำลังทหารออกจากยูเครนเสียก่อน
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในกรุงวอชิงตันว่า ข้อเสนอใด ๆ ก็ตามที่ยังคงอนุญาตให้มีทหารรัสเซียประจำการในยูเครนต่อไปจะทำให้รัสเซียสามารถกลับมารุกรานยูเครนได้อีกในอนาคต
"การเรียกร้องให้หยุดยิงโดยไม่รวมการถอนทหารรัสเซียออกจากดินแดนของยูเครน จะเป็นการสนับสนุนสัตยาบันของรัสเซียในการครอบครองดินแดน" บลิงเคนกล่าว
ด้านโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ จอห์น เคอร์บี เรียกร้องให้ประธานาธิบดีสีใช้โอกาสนี้กดดันประธานาธิบดีปูตินโดยตรง เพื่อให้เคารพต่ออธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของยูเครน
เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า รัสเซีย "อิจฉาเล็กน้อย" ต่อการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีนในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา และกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก รองจากสหรัฐฯ
สื่อของรัสเซียรายงานว่า ผู้นำทั้งสองได้หารือกันนานเกือบ 4 ชม.ครึ่ง ก่อนที่จะพักรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน ซึ่งโฆษกทำเนียบเครมลิน ดมิทรี เพสคอฟ กล่าวว่า ปูตินได้ "อธิบายอย่างละเอียด" ถึงปฏิบัติการของรัสเซียในยูเครน ให้ประธานาธิบดีสีรับรู้
นอกจากนี้ ปธน.ปูติน ยังได้กล่าวว่า ตนเคารพต่อแผนสันติภาพในยูเครนที่จีนเป็นผู้เสนอ ขณะที่ปธน.สี กล่าวด้วยว่า ตนได้เชิญปธน.ปูติน เยือนจีนปลายปีนี้
- เนื้อหาบางส่วนจากรอยเตอร์