Your browser doesn’t support HTML5
ผลการศึกษาชิ้นใหม่พบว่าแมลงชนิดต่างๆ รวมทั้ง นก ค้างคาว ที่มีบทบาทสำคัญในการผสมเกสรพันธุ์พืชและดอกไม้ กำลังลดจำนวนลงอย่างมาก และมีโอกาสเสี่ยงสูงมากขึ้นที่จะสูญพันธุ์ได้ในอนาคต
องค์กรสำหรับเวทีนโยบายวิทยาศาสตร์ระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและบริการจากระบบนิเวศหรือ IPBES (Intergovernmental Science-Policy Platform on Biodiversity and Ecosystem Services) ทำการศึกษาเรื่องนี้นาน 2 ปี และพบว่า 75 เปอร์เซ็นต์ของแหล่งผลิตอาหารของโลกต้องพึ่งพา ผึ้ง นกและสัตว์ผสมเกสรชนิดอื่นๆ เป็นหลัก
ซึ่งเเสดงให้เห็นความสำคัญของแมลงและสัตว์ผสมเกสรต่อความมั่นคงทางอาหารของโลก แต่เเมลงและสัตว์ผสมเกสรเหล่านี้กำลังถูกคุกคามและลดจำนวนลงอย่างมาก
ผลการศึกษานี้ชี้ว่า 16 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์ผสมเกสรที่มีกระดูกสันหลัง อาทิ นก ค้างคาว และสัตว์อื่นๆ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ไปจากโลก และหากเป็นพื้นที่เกาะ ตัวเลขนี้จะสูงขึ้นเท่าตัว
ในระดับท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นที่ใดในโลก เกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ของแมลงผสมเกสรซึ่งรวมทั้งผึ้งและผีเสื้อกำลังถูกคุกคาม และลดจำนวนลง
เซอร์ โรเบิร์ต วัตสัน ผู้อำนวยการฝ่ายแห่ง IPBES กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงลักษณะการใช้ที่ดินเป็นปัจจัยหลักของปัญหานี้ วิธีทำการเกษตรแผนใหม่ที่เร่งผลผลิต การใช้สารเคมีฆ่าแมลง การระบาดของสัตว์ และแมลงต่างถิ่น โรคและเเมลงศัตรู ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะอากาศโลก ยังเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้ประชากรแมลงและสัตว์ผสมเกสรลดลง
สารเคมีฆ่าแมลง โดยเฉพาะสารเคมีที่มีส่วนผสมของสารนีโอนิโคตินอย ถือว่าเป็นสารเคมีตัวร้ายที่ส่งผลเสียต่อผึ้งธรรมชาติ
และเเม้ว่าทีมนักวิจัยนี้ จะยอมรับว่าทีมงานยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอและต้องศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติม พวกเขายืนยันว่ามีความชัดเจนในด้านความเกี่ยวข้องระหว่างปัจจัยเหล่านี้ข้างต้น กับการลดจำนวนลงของสัตว์และแมลงผสมเกสร
บรรดาเจ้าหน้าที่อาวุโสของหน่วยงาน IPBES ที่ทำการศึกษาเรื่องนี้ชี้ว่า มีมาตรการง่ายๆ หลายอย่างที่นำออกมาปฏิบัติได้ เพื่อลดความเสี่ยงและอาจจะช่วยส่งเสริมให้สัตว์และแมลงผสมเกสรที่ถูกคุกคามให้เพิ่มจำนวนประชากรขึ้น
หากดูประเด็นของผึ้งที่ช่วยผสมพันธุ์พืชผักและผลไม้ 1 ใน 3 ของทั้งหมด รายงานผลการศึกษานี้เเนะนำว่า ควรเพิ่มที่อยู่อาศัยที่หลากหลายให้แก่ผึ้งธรรมชาติที่อาศัยใกล้กับพื้นที่เกษตรกรรมและใกล้เขตเมือง การลดการใช้สารเคมีฆ่าแมลง และการจัดการประชากรผึ้งเพื่อรับมือกับความเสียหายที่เกิดจาก โรค แมลงศัตรูและแมลงต่างถิ่น
ทีมนักวิจัยหวังว่าผลการศึกษานี้จะช่วยกระตุ้นให้บรรดาเกษตรกร นักวิทยาศาสตร์ และบริษัทด้านการเกษตร ร่วมมือกันเพื่อช่วยปกป้องการเกษตรที่ผลิตพืชผลทางการเกษตรแก่โลกมูลค่ากว่าสองแสนสามหมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ต่อปี
คุณ Jose Graziano da Silva ผุ้อำนวยการโครงการอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติชี้ว่า ชาวนาโดยเฉพาะชาวนารายเล็กทั่วโลก ต้องพึ่งพาผึ้งและแมลงผสมเกสรเป็นหลักในการช่วยผสมพันธุ์พืชและผลไม้ตามธรรมชาติ
ดังนั้นการเพิ่มจำนวนประชากรและความหลากหลายของสัตว์และแมลงผสมเกสร จะมีผลดีโดยตรงต่อปริมาณผลผลิตทางการเกษตรและสร้างความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการของโลกตามมา
สหประชาชาติประมาณว่า หากผึ้งและสัตว์ผสมเกสรมีสุขภาพแข็งเเรง โลกจะสามารถผลิตอาหารได้มากขึ้นในการเลี้ยงปากท้องประชากรมนุษย์จำนวนเกือบ 800 ล้านคนทั่วโลก ที่มีอาหารรับประทานไม่เพียงพอในขณะนี้
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)