Your browser doesn’t support HTML5
ฟิลิปปินส์โอ้อวดว่ามีคนงานหนุ่มสาวที่รู้ภาษาอังกฤษ สามารถปรับปรุงระบบโครงสร้างมาตรฐาน เเละยกเครื่องระบบภาษีได้อย่างรวดเร็ว แต่หลายคนที่คุ้นเคยกับประเทศนี้บอกว่า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเเละความไม่มั่นคงทางการเมืองอาจเป็นข้อด้อย
มาเรีย เอลลา แอทเทียนซา (Maria Ela Atienza) ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัย Philippines Diliman กล่าวว่า ฟิลิปปินส์มีตลาดผู้บริโภคที่ขยายตัวขึ้น แต่มีปัจจัยทางเศรษฐกิจเเละการเมืองหลายอย่างที่ส่งผลต่อระดับความมั่นใจของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ
ศาสตราจารย์แอทเทียนซา กล่าวว่า ฟิลิปปินส์ต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ส่วนหนึ่งเพราะกำลังมีโครงการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 169,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เเละได้รับเงินสนับสนุนส่วนหนึ่งจากจีนเเละญี่ปุ่น
แม้ว่าอาจจะยังเร็วเกินไปที่จะพูดได้ แต่ศาสตราจารย์แอทเทียนซา กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานใหม่อาจช่วยสร้างเเหล่งพลังงานใหม่ๆ เเละลดราคาค่าไฟฟ้าลง ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
โจนาธาน เรฟเวลลัส (Jonathan Ravelas) หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านการตลาดแห่งธนาคาร Banco de Oro UniBank ในกรุงมะนิลา กล่าวว่ากฏหมายปฏิรูปภาษีของประเทศ หากนำไปบังคับใช้ในกรุงมะนิลาจะทำให้มีการหลั่งไหลของการลงทุนในภาคการผลิตสินค้าเข้าไปในเมืองหลวง การปฏิรูประบบภาษีดังกล่าวนี้จะทำให้มีการลดภาษีให้เเก่บริษัทเอกชน
คณะกรรมการด้านการลงทุนแห่งฟิลิปปินส์ รายงานว่า จีนยังครองอันดับหนึ่งในฐานะผู้ลงทุนต่างชาติในฟิลิปปินส์ในปีที่ผ่านมา โดยสัญญาว่าจะลงทุนถึง 927 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเพียง 10 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เมื่อปีก่อนหน้า
เเละเช่นเดียวกับนักลงทุนนานาชาติ บริษัทต่างๆ ในจีนกำลังมองหาประเทศอื่นๆ ที่เหมาะแก่การเป็นฐานส่งออกสินค้าที่จะไม่เจอกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ
เรฟเวลลัส กล่าวว่า บรรดาบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นก็เเสดงความสนใจนี้เช่นกัน โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา
ในปี ค.ศ. 2017 บริษัท Seiko Epson ได้เปิดโรงงานผลิตมูลค่า143 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในทางใต้ของกรุงมะนิลา และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ บริษัท Shin-Etsu Magnetic Philippines ซึ่งผลิตเเม่เหล็กที่ใช้ประกอบในอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ได้เปิดโรงงานเเห่งที่ 8 ในฟิลิปปินส์
นักลงทุนต่างชาติไม่นิยมไปลงทุนในฟิลิปปินส์เนื่องจากเป็นหมู่เกาะซึ่งยากแก่การขนส่ง การควบคุมสิทธิ์ของบริษัทต่างชาติด้านความเป็นเจ้าของ เเละค่าน้ำค่าไฟแพงซึ่งสูงที่สุดในบรรดาประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด ยกเว้นสิงคโปร์
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ แอทเทียนซา กล่าวว่า เเรงงานชาวฟิลิปปินส์ยังมีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพเเรงงานมากกว่าคนในชาติเอเชียอื่นๆ โดยจะมีความเเข็งขันมากกว่าในการออกมาเรียกร้องเพิ่มค่าเเรง
เธอกล่าวว่า ความรุนเเรงในระดับท้องถิ่น ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ก่อนหน้าการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤษภาคมที่จะมาถึง นอกจากนี้ ปัญหาการปราบปรามกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ในชนบทของประเทศก็อาจทำให้บริษัทต่างชาติไม่อยากเข้าไปลงทุน
รายงานผลการวิจัยของธนาคาร Natixis พบว่า ในบรรดาประเทศเอเชียใต้เเละเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิลิปปินส์จะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์น้อยที่สุดจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่แพงเเละโครงสร้างพื้นฐานของการทำธุรกิจอ่อนเเอ
คาร์ล เบคเกอร์ ผู้อำนวยการด้านโครงการแห่ง Pacific Forum CSIS ในฮอนโนลูลู รัฐฮาวาย กล่าวว่า ชาติสมาชิกสมาคมอาเซียนแข่งขันกันอย่างเเข็งขันในการดึงดูดนักลงทุนที่กำลังมองหาฐานการผลิตสินค้าในประเทศอื่น หากจะย้ายโรงงานออกจากจีนเพื่อเลี่ยงภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)